Page 108: [Previous Page][Next Page]
[Home][Gallery Home]
[Previous Page][Next Page]
O s a k a : The City / Dotonbori, December 2006
แสงสียามค่ำคืนของ Dotonbori ย่านการค้าของโอซากา เป้าหมายหลักของเรานอกจากจะตามล่าหาป้ายคนวิ่งกูลิโกสุดคลาสสิกแล้ว คือ การกิน (อีกแล้ว) ครับ Landmark ที่เห็นบ่อย ๆ นอกจากป้ายคนวิ่งแล้วก็ เช่น ปูยักษ์ติดกำแพง ปลาปักเป้ายักษ์ เป็นต้น
รูปปั้นพระพุทธที่หน้าวัด Isshinji วัดในพุทธศาสนาซึ่งไม่มีผู้เยี่ยมชมมากมายเท่ากับวัด Shitenoji มีคนเฒ่าคนแก่ชาวญี่ปุ่นแวะเวียนมาที่วัดแห่งนี้ตลอด ขณะที่ชื่นชมความสงบอยู่นั้นเห็นชาวญี่ปุ่นบางคนยืนที่หน้าประตูวัดมีรูปนูนสูงอยู่ และใช้มือทั้งสองข้างลูบรูปร่างมนุษย์บนประตูนั้น แล้วก็ลูบที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตน มีคุณย่าคนหนึ่งคงเห็นเรามองอย่างสงสัย ก็เลยเข้ามาพยายามชักชวนให้ทำ แต่ด้วยภาษาญี่ปุ่น ทำให้เราเดาได้ว่าการทำอย่างนั้นอาจจะช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย ปัดเป่าความปวดเมื่อย และ เป็นศรีแก่ตัวครับ ขอบคุณครับคุณย่าที่พยายามสื่อสารแต่เราเดาได้เท่านี้จริง ๆ  ครับ ผู้รู้ช่วยบอกด้วยครับ
ป้ายสถานีปราสาทโอซากาซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโอซากา ลานชั้นในรอบ ๆ ปราสาทมีกรุ๊ปทัวร์เต็มไปหมด เดินถ่ายรูปอยู่สักพักก็ไม่สามารถหามุมที่แปลกแตกต่างไปจากที่เคยเห็นเกลื่อนทั่วไปได้ ภาพที่ได้ออกมาก็คงต้องไปซ้ำกับสมาชิกกรุ๊ปทัวร์ใดทัวร์หนึ่งซักคนแน่ๆ เลยตัดสินใจไปเดินเตร็ดเตร่ตามถนน แล้วมุ่งหน้าไปหาของอร่อยกินที่ Dotonbori ดีกว่าครับ ปล.ทาโกะยากิตำรับโอซากาที่ซื้อกินจากแผงรอบปราสาท ก็ทำให้พอได้บรรยากาศ แต่รสชาติไม่ถูกปากเท่าที่กินที่ใต้ถุนโตคิวที่โตเกียวครับ
หอคอยอันเป็น  landmark  ของเมืองอย่างหนึ่ง ถ่ายในตอนใกล้ค่ำ
เมนูในใจมีสองอย่าง อย่างแรกเลยคือ ตามหาร้านพิซซ่าญี่ปุ่น ชื่อว่า chibo ที่ร่ำลือกันว่าอร่อยนักหนา ร้านนี้เค้าว่าขายพิซซ่าญี่ปุ่นล้วนๆ กว่าจะหาเจอ เอาแทบถอดใจเหมือนกัน พอได้ลองก้อแปลกดี ไม่เคยกินมาก่อน เพราะที่นี่เค้ามีพิซซ่าญี่ปุ่นหลายหลายไส้มากๆ เลือกกันไม่ถูกเลย ราคาก้อประมาณชิ้นละ 500 บาทได้ ชิ้นใหญ่ทีเดียว กินกันพุงกางเลย คืนนี้หลังจากอิ่มหนำกับโอโคโนมิยากิที่ chibo เราไปพักที่บ้านเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่นารา ปรากฎว่าเขาเตรียมอาหารเย็นไว้รอครับ ลองทายกันว่าคืออะไร โอโคโนมิยากิครับ! เที่ยวนี้ก็เลยได้เปรียบเทียบโอโคโนมิยากิของร้านที่หนุ่มสาวชอบกินกัน กับ โอโคโนมิยากิฉบับครอบครัวครับ อร่อยคนละแบบ
อย่างที่สองคือ ปูยักษ์ ชื่อดังของโอซาก้านั่นเอง หลังจากเดินดุ่มๆตามหน้าร้านที่มีป้ายปูยักษ์อยู่พักใหญ่ ก้อตัดสินใจเลือกกินซูชิแทน เนื่องจากราคาเจ้าปูยักษ์แต่ละตัวเนี่ย ไม่น้อยเลย แถมมีกรุ๊ปทัวร์เข้าแถวรอกินกันเยอะเหลือเกิน ด้วยความขี้เกียวจรอ เลยหันไปหาร้านซูชิข้างๆ จิบสาเกพร้อมซูชิก้ามปูยักษ์แทน
ในร้าน Chibo
ป้ายปูยักษ์ที่พูดถึง
แสงไฟจากป้ายโฆษณา เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของโอซากา  การเดินดูป้ายโฆษณาอย่างไม่มีจุดหมายก็เป็นความบันเทิงแปลกๆ เหมือนได้เดินชมศิลปะตามท้องถนนไปเรื่อยๆ ครับ