การสอบปลายภาค: PART A

เขียนตอบแต่ละข้อเริ่มด้วยเลขข้อในรูปแบบ <เลขข้อ> เช่น
<1> E
<2>
<3> B
และอย่าลืมกด SUBMIT ด้วย (ส่งได้หลายครั้ง จะตรวจครั้งล่าสุด)

<1>
ให้ d เป็น dict ที่มี 
- key เป็นรหัสลูกค้า
- value เก็บลิสต์ของชื่อเกมที่ลูกค้าคนนี้ได้ซื้อไปแล้ว

ข้อใดสร้าง s เป็น dict ที่มี 
- key เป็นชื่อเกม
- value เก็บเซตของรหัสลูกค้าทั้งหมดที่ได้ซื้อเกมนี้

A) s = {}
   x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
   for k,e in x: 
     s[e].update(k)
B) s = dict([(d[k],k) for k in d])
C) s = {}
   x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
   for k,e in x: 
     s[e] = set()
   for k,e in x: 
     s[e].add(k)  
D) s = {}
   for v in d.values:
     if v not in s: 
       s[v] = set()
     s[v].add(d[v])
E) ไม่มีข้อใดถูก
<2>
ผู้เขียนตั้งใจให้โปรแกรมข้างล่างนี้ รับสตริงทางคีย์บอร์ด
แล้วนับว่า สตริงนั้นมีเลขคี่อย่างละกี่ตัว  
เมื่อนำโปรแกรมนี้ไปทำงานแล้วป้อน --1-9-1-- เป็นอินพุต
จะเกิด error ที่คำสั่งในบรรทัดใด

c = dict()                # บรรทัดที่ 1
for e in input().split(): # บรรทัดที่ 2
  if e != [0,2,4,6,8] :   # บรรทัดที่ 3
    c[e] += 1             # บรรทัดที่ 4    
print(c)

A) บรรทัดที่ 4 
B) บรรทัดที่ 3
C) บรรทัดที่ 2
D) บรรทัดที่ 1
E) ทำงานได้ปกติ ไม่เกิด error
<3>
ให้โปรแกรม Python ชื่อ p.py มีบรรทัดเดียวคือ
 
print(open("p.py").readline().strip()) 

ถ้าสั่งโปรแกรมนี้ทำงานจะได้ผลอะไรทางจอภาพ

A) readline().strip()
B) open("py.py").readline().strip()
C) print(open("p.py").readline().strip()) 
D) โปรแกรมทำงานแล้วเกิด error 
E) ไม่สามารถสรุปได้ว่าจะแสดงอะไร
<4>
ข้อใดมีค่าไม่ใกล้เคียงรากที่สองของ 400

A) pow(400, 0.5)
B) 400 ** 1/2 
C) math.sqrt(400)
D) 200 // 10
E) ใกล้เคียงทุกข้อ
<5>
ให้ d เป็น dict มี
- คีย์ ชื่อจังหวัด, value เป็น dict ที่มี
  - คีย์ 'region', value เก็บชื่อย่อภาค
  - คีย์ 'population', value เก็บจำนวนประชากร
- ชื่อย่อภาคประกอบด้วย N, E, W, S, C, NE
นักเรียนคนหนึ่งเขียนฟังก์ชัน f(d) ข้างล่างนี้ มีหน้าที่
คืน dict ที่มีคีย์เป็นภาค, value เก็บจำนวนจังหวัดในภาค

def f(d):
  c = {'NE':0, 'C':0, 'N':0, \
       'E':0, 'W':0, 'S':0}
  for p in d:        
    r = d[p]['region']  # บรรทัด I
    for k in c:         # บรรทัด II
       if r in k:       # บรรทัด III
          c[r] += 1     # บรรทัด IV
          break         # บรรทัด V
  return c

หลังจากทดสอบการทำงานแล้ว พบว่า ได้คำตอบเกือบถูก
ถ้าจะปรับฟังก์ชันนี้ ด้วยจำนวนการแก้ไขคำสั่งให้น้อยสุด ๆ
เพื่อให้ทำงานได้ถูกต้อง ต้องแก้ไขที่บรรทัดใด

A) บรรทัด IV
B) บรรทัด II
C) บรรทัด III 
D) บรรทัด I
E) บรรทัด V
<6>
ให้ m เป็นจำนวนเต็ม
ข้อใดแทนเงื่อนไขว่า m เก็บเลขเดือนของ
เดือนที่มีชื่อลงท้ายด้วย ยน

A) 1<=m<=12 or m==4 or m==6 or m==9 or m==11
B) not(m%2==1 and 0<m<8 or m%2==0 and 7<m<13) and m!= 2 
C) m is in [4,6,9,11]
D) 0<m<13 and not(m!=4 or m!=6 or m!=9 or m!=11)
E) ถูกมากกว่า 1 ข้อ
<7>
เมื่อโปรแกรมข้างล่างนี้ทำงาน จะแสดงผลอะไร
x = [1,2]+[3,4,5]*1000
print(x.pop(len(x)-5))

A) 1
B) 4
C) 3
D) 2
E) 5
<8>
ข้อใดทำงานแล้วจะวนในวงวนไม่สิ้นสุด

A) a = 227
   while a != 0:
     a //= 2
B) a = 227
   while a != 0:
     a %= 11    
C) a = 227
   while a != 0:
     a -= 1
D) มีข้อที่ทำงานแล้วติดในวงวน 2 ข้อ 
E) ทุกข้อทำงานได้ไม่ติดในวงวน
<9>
ข้อใดตรวจตัวแปร c ที่เก็บตัวพิมพ์เล็กตัวเดียวว่า
เป็น v, w, x, y หรือ z หรือไม่

A) if c.find("vwxyz") != -1 :
B) if c is in "vxwyz" :
C) if 'v' =< c =< 'z' :
D) if c == "vwxyz" :
E) ไม่มีข้อใดถูก 
<10>
หากนำเลขประจำตัวนิสิต 10 หลักของนิสิตจำนวนหนึ่ง
มาเรียงต่อกัน มีเครื่องหมาย : คั่นระหว่างเลขประจำตัว
เช่น "5937015921:5934847821:5938763221"
แล้วเก็บสตริงนี้ในตัวแปร IDs
  
ตัวเลือกในข้อใดสามารถหาว่า เลขประจำตัวที่เก็บในตัวแปร sid
ที่มีอยู่ใน IDs แน่ ๆ อยู่เป็นลำดับที่เท่าใดใน IDs 
(กำหนดให้ตัวซ้ายสุดคือ ลำดับที่ 1)

A) IDs.find(sid)%10
B) (IDs.find(sid)+11)//11 
C) IDs.find(sid)%11+1
D) IDs.find(sid)//10+1
E) ไม่มีข้อใดถูก
<11>
ข้อใดตั้งเป็นชื่อฟังก์ชันได้

A) ___________
B) __-__-__-__
C) False
D) ._._._._._.
E) ไม่มีข้อใดถูก
<12>
คำสั่งข้อใดมีโอกาสเกิด error ตอนทำงาน
(ตัวแปร b กับ c มีค่ากำหนดให้แล้ว)

A) a = b / c
B) a = b + c
C) a = b * c
D) a = b - c
E) มีโอกาสเกิด error ได้ทุกข้อ 
<13>
ฟังก์ชัน f มีรายละเอียดข้างล่างนี้

def f(x, y):
    for e in x:
        y += e
    return y

คำสั่งในข้อใดทำงานแล้วไม่เกิด error

A) f([1,2,3], [1,2,3])
B) f(123, 456)
C) f({1,2,3}, {4,5,6})
D) f('123', '456') 
E) มีข้อที่ไม่เกิด error มากกว่า 1 ข้อ
<14>
ให้ d เป็น numpy array ขนาด 111x111 
ให้ N = d.shape[0] และ M = d.shape[1]
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)

ข้อใดทำให้ข้อมูลในแถวแนวนอนอินเด็กซ์เลขคู่ทั้งหมด
มีค่าเป็น 0 ทั้งแถว

A) d[-2::-2, ::] = 0 
B) d[np.arange(N)%2==1, np.arange(M)] = 0
C) d[0:-1:2] = [0]
D) d[range(1,N,2), range(M)] = 0
E) ไม่มีข้อใดถูก
<15>
ให้ x เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
ฟังก์ชันใดคืน mode ของข้อมูลใน x
mode คือข้อมูลที่ปรากฏเป็นจำนวนครั้งมากสุดใน x
ถ้ามีตัวที่เป็น mode หลายตัว ให้คืนตัวซ้ายสุด
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)

A) def mode(x):
     y = np.array([x]).T
     c = np.sum(x==y, axis=0)
     return x[np.argmax(c)] 
B) def mode(x):
     return np.max(np.sum(x.dot(x.T),axis=1))
C) def mode(x):
     t = x.reshape((x.shape[::-1]))
     return x[np.argmax(np.sum(x==t, axis=1))]
D) def mode(x):
     t = x.reshape((x.shape[0],1))
     return np.max(np.sum(x==t, axis=1))
E) ไม่มีข้อใดถูก