ข้อใดตั้งเป็นชื่อฟังก์ชันได้
___________<*>
__-__-__-__
._._._._._.
False
ไม่มีข้อใดถูก
ข้อใดตั้งเป็นชื่อฟังก์ชันได้
_o_o_<*>
o-o-o
True
1a2b3
ไม่มีข้อใดถูก
ข้อใดตั้งเป็นชื่อฟังก์ชันได้
_x_x_<*>
__-__
$_$_$
1_2_3
ไม่มีข้อใดถูก
-------------------------------
ข้อใดมีค่าไม่ใกล้เคียงรากที่สองของ 100
math.sqrt(100)
100 ** 1/2 <*>
pow(100, 0.5)
100 // 10
ใกล้เคียงทุกข้อ
ข้อใดมีค่าไม่ใกล้เคียงรากที่สองของ 400
math.sqrt(400)
400 ** 1/2 <*>
pow(400, 0.5)
200 // 10
ใกล้เคียงทุกข้อ
ข้อใดมีค่าไม่ใกล้เคียงรากที่สองของ 81
math.sqrt(81)
81 ** 1/2 <*>
pow(81, 0.5)
192 / 2
ใกล้เคียงทุกข้อ
เครื่องหมายคณิตศาสตร์ใดถูกทำเป็นลำดับที่ 4
ในนิพจน์ 4*5-2%(5+2)/32
*
-
%
+
/ <*>
เครื่องหมายคณิตศาสตร์ใดถูกทำเป็นลำดับที่ 3
ในนิพจน์ 4*5-2%(5+2)/32
*
-
% <*>
+
/
เครื่องหมายคณิตศาสตร์ใดถูกทำเป็นลำดับที่ 5
ในนิพจน์ 4*5-2%(5+2)/32
*
- <*>
%
+
/
-------------------------------
ข้อใดทำงานแล้วจะวนในวงวนไม่สิ้นสุด
a = 227
while a != 0:
a //= 2
a = 227
while a != 0:
a -= 1
a = 227
while a != 0:
a %= 11 <*>
มีข้อที่ทำงานแล้วติดในวงวน 2 ข้อ
ทุกข้อทำงานได้ไม่ติดในวงวน
ข้อใดทำงานแล้วจะวนในวงวนไม่สิ้นสุด
a = 232
while a != 0:
a //= 7
a = 232
while a != 0:
a -= 1
a = 232
while a != 0:
a %= 13 <*>
มีข้อที่ทำงานแล้วติดในวงวน 2 ข้อ
ทุกข้อทำงานได้ไม่ติดในวงวน
ข้อใดทำงานแล้วจะวนในวงวนไม่สิ้นสุด
a = 132
while a != 0:
a //= 3
a = 132
while a != 0:
a -= 1
a = 132
while a != 0:
a %= 11
มีข้อที่ทำงานแล้วติดในวงวน 2 ข้อ
ทุกข้อทำงานได้ไม่ติดในวงวน <*>
ข้อใดทำงานแล้วจะวนในวงวนไม่สิ้นสุด
a = 169
while a != 0:
a //= 5
a = 169
while a != 0:
a -= 2 <*>
a = 169
while a != 0:
a %= 13
มีข้อที่ทำงานแล้วติดในวงวน 2 ข้อ
ทุกข้อทำงานได้ไม่ติดในวงวน
-------------------------------
ข้อใดตรวจตัวแปร c ที่เก็บตัวพิมพ์เล็กตัวเดียวว่า
เป็น a, e, i, o หรือ u หรือไม่
if c == "aeiou" :
if c is in "aeiou" :
if c.index("aeiou") != -1 :
if "aeiou".find(c) >= 0 :<*>
ไม่มีข้อใดถูก
ข้อใดตรวจตัวแปร c ที่เก็บตัวพิมพ์เล็กตัวเดียวว่า
เป็น v, w, x, y หรือ z หรือไม่
if c == "vwxyz" :
if c is in "vxwyz" :
if c.find("vwxyz") != -1 :
if 'v' =< c =< 'z' :
ไม่มีข้อใดถูก <*>
ข้อใดตรวจตัวแปร c ที่เก็บตัวพิมพ์เล็กตัวเดียวว่า
เป็น a, b, c, d หรือ e หรือไม่
if c == "abcde" :
if c is in "abcde" :
if c.find("abcde") != -1 :
if 'e' => c => 'a':
ไม่มีข้อใดถูก <*>
-------------------------------
คำสั่งข้อใดมีโอกาสเกิด error ตอนทำงาน
(ตัวแปร b กับ c มีค่ากำหนดให้แล้ว)
a = b + c
a = b / c
a = b - c
a = b * c
มีโอกาสเกิด error ได้ทุกข้อ <*>
-------------------------------
ฟังก์ชัน f มีรายละเอียดข้างล่างนี้
def f(x, y):
for e in x:
y += e
return y
คำสั่งในข้อใดทำงานแล้วไม่เกิด error
f('123', '456') <*>
f({1,2,3}, {4,5,6})
f([1,2,3], [1,2,3])
f(123, 456)
มีข้อที่ไม่เกิด error มากกว่า 1 ข้อ
ฟังก์ชัน f มีรายละเอียดข้างล่างนี้
def f(x, y):
for e in x:
y += e
return y
คำสั่งในข้อใดทำงานแล้วไม่เกิด error
f((123,), 456) <*>
f((123), 456)
f({'123'}, 456)
f([1,2,3], (4,5,6))
มีข้อที่ไม่เกิด error มากกว่า 1 ข้อ
ฟังก์ชัน f มีรายละเอียดข้างล่างนี้
def f(x, y):
for e in x:
y += e
return y
คำสั่งในข้อใดทำงานแล้วไม่เกิด error
f(((1,),(2,), (3,)), (4,5,6)) <*>
f(((1), (2), (3)), [4,5,6])
f({123}, [456])
f([1,2,3], (4,5,6))
มีข้อที่ไม่เกิด error มากกว่า 1 ข้อ
-------------------------------
ให้ m เป็นจำนวนเต็ม
ข้อใดแทนเงื่อนไขว่า m เก็บเลขเดือนของ
เดือนที่มีชื่อลงท้ายด้วย ยน
not(m%2==1 and 0
1<=m<=12 or m==4 or m==6 or m==9 or m==11
0m is in [4,6,9,11]
ถูกมากกว่า 1 ข้อ
ให้ y เก็บเลขปี ค.ศ. เดือน ก.พ. มี 29 วัน เมื่อ
- y หารด้วย 4 ลงตัว แต่หารด้วย 100 ไม่ลงตัว
- ยกเว้นกรณีที่ y หารด้วย 400 ลงตัว ก็มี 29 วัน
คำสั่งใดที่หาจำนวนวันในเดือนกุมภาพันธ์
ของปี ค.ศ. y ไม่ถูกต้อง
d = 28
if y%400==0 or y%4==0 and y%100!=0:
d = 29
d = 29
if (y%4!=0 or y%100==0) and y%400!=0:
d = 28
if (y%4==0 and y%100!=0) or y%400==0:
d = 29
else:
d = 28
มีถูก 2 ข้อ ผิด 1 ข้อ
ข้อ A, B และ C ถูกหมด <*>
-------------------------------
ให้ x เป็นลิสต์เก็บจำนวนเต็ม
ข้อใดได้ค่าของตัวแปร s ต่างจากข้ออื่น
s = 0
for e in x[::-1]:
s += e
s = 0
for i in range(0,len(x),1):
s += x[i]
s = 0
for i in range(len(x),0,-1):
s += x[i] <*>
s = 0
for e in x[1::2]+x[::2]:
s += e
ทุกข้อได้ s มีค่าเท่ากันหมด
เมื่อโปรแกรมข้างล่างนี้ทำงาน จะแสดงผลอะไร
x = [1,2]+[3,4,5]*1000
print(x.pop(len(x)-5))
1
2
3
4<*>
5
เมื่อโปรแกรมข้างล่างนี้ทำงาน จะแสดงผลอะไร
x = [[1,[2,[3,4]]],[5,[6,[7,8]]]]
print(x.pop(1)[1][1])
2
[3, 4]
6
7
[7, 8]<*>
-------------------------------
หากนำเลขประจำตัวนิสิต 10 หลักของนิสิตจำนวนหนึ่ง
มาเรียงต่อกัน มีเครื่องหมาย : คั่นระหว่างเลขประจำตัว
เช่น "5937015921:5934847821:5938763221"
แล้วเก็บสตริงนี้ในตัวแปร IDs
ตัวเลือกในข้อใดสามารถหาว่า เลขประจำตัวที่เก็บในตัวแปร sid
ที่มีอยู่ใน IDs แน่ ๆ อยู่เป็นลำดับที่เท่าใดใน IDs
(กำหนดให้ตัวซ้ายสุดคือ ลำดับที่ 1)
(IDs.find(sid)+11)//11 <*>
IDs.find(sid)//10+1
IDs.find(sid)%10
IDs.find(sid)%11+1
ไม่มีข้อใดถูก
หากนำเลขประจำตัวนิสิต 10 หลักของนิสิตจำนวนหนึ่ง
มาเรียงต่อกัน มี : เริ่มต้น ปิดท้าย และคั่นระหว่างเลขประจำตัว
เช่น ":5937015921:5934847821:5938763221:"
แล้วเก็บสตริงนี้ในตัวแปร IDs
ตัวเลือกในข้อใดสามารถหาว่า เลขประจำตัวที่เก็บในตัวแปร sid
ที่มีอยู่ใน IDs แน่ ๆ อยู่เป็นลำดับที่เท่าใดใน IDs
(กำหนดให้ตัวซ้ายสุดคือ ลำดับที่ 1)
IDs.find(sid)//10 + 1
IDs.find(sid+":")//11 + 1 <*>
IDs.find(':'+sid)//12 + 1
IDs.find(':'+sid+':')//12 + 1
ไม่มีข้อใดถูก
ถ้าต้องการแสดงคำอ่านของเลขหนึ่งตัวในตัวแปร d
ออกทางจอภาพ ต้องเติมอะไรลงแทน ??? และ ***
ของโปรแกรมข้างล่างนี้ ตามลำดับ
(ให้เลขที่อินพุตเป็น 1,2,3 หรือ 4 เท่านั้น)
s = "[1:one][2:two][3:three][4:four]"
d = input()
sidx = s.find(d)+ ??? # <----
eidx = s.find("]",sidx)
print(s[sidx: eidx+ *** ]) # <----
0 กับ 0
2 กับ -1
2 กับ 0 <*>
1 กับ -1
ไม่มีข้อใดถูก
-------------------------------
ให้โปรแกรม Python ชื่อ p.py มีบรรทัดเดียวคือ
print(open("p.py").readline().strip())
ถ้าสั่งโปรแกรมนี้ทำงานจะได้ผลอะไรทางจอภาพ
print(open("p.py").readline().strip()) <*>
open("py.py").readline().strip()
readline().strip()
โปรแกรมทำงานแล้วเกิด error
ไม่สามารถสรุปได้ว่าจะแสดงอะไร
-------------------------------
ผู้เขียนตั้งใจให้โปรแกรมข้างล่างนี้ รับสตริงทางคีย์บอร์ด
แล้วนับว่า สตริงนั้นมีเลขคี่อย่างละกี่ตัว
เมื่อนำโปรแกรมนี้ไปทำงานแล้วป้อน --1-9-1-- เป็นอินพุต
จะเกิด error ที่คำสั่งในบรรทัดใด
c = dict() # บรรทัดที่ 1
for e in input().split(): # บรรทัดที่ 2
if e != [0,2,4,6,8] : # บรรทัดที่ 3
c[e] += 1 # บรรทัดที่ 4
print(c)
บรรทัดที่ 1
บรรทัดที่ 2
บรรทัดที่ 3
บรรทัดที่ 4 <*>
ทำงานได้ปกติ ไม่เกิด error
ผู้เขียนตั้งใจให้โปรแกรมข้างล่างนี้ รับสตริงทางคีย์บอร์ด
แล้วนับว่า สตริงนั้นมีเลขคู่อย่างละตัวกี่ตัว
เมื่อนำโปรแกรมนี้ไปทำงานแล้วป้อน 12345 เป็นอินพุต
จะเกิด error ที่คำสั่งในบรรทัดใด
c = dict() # บรรทัดที่ 1
for e in input().split(): # บรรทัดที่ 2
if e not in [1,3,5,7,9] : # บรรทัดที่ 3
c[e] = c[e] + 1 # บรรทัดที่ 4
print(c)
บรรทัดที่ 1
บรรทัดที่ 2
บรรทัดที่ 3
บรรทัดที่ 4 <*>
ทำงานได้ปกติ ไม่เกิด error
-------------------------------
ให้ r เป็น dict ที่มี
- key เป็นชื่อบริษัท
- value เก็บมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท
ข้อใดได้ชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสินทรัพย์มากสุดสักหนึ่งบริษัท
max(r.items())[0]
max([(k[1],k[0]) for k in r.items()])[1] <*>
sorted([(v,k) for k,v in r])[-1][1]
max([(v,r[v]) for v in t.values()])[1]
มีข้อถูกมากกว่า 1 ข้อ
ให้ r เป็น dict ที่มี
- key เป็นชื่อบริษัท
- value เก็บมูลค่าสินทรัพย์
ข้อใดได้ชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสินทรัพย์มากสุดสักหนึ่งบริษัท
max(r.items())[0]
min([(-k[1],k[0]) for k in r.items()])[1] <*>
sorted([(-v,k) for k,v in r])[0][1]
max([(v,r[v]) for v in t.values()])[1]
มีข้อถูกมากกว่า 1 ข้อ
ให้ r เป็น dict ที่มี
- key เป็นชื่อบริษัท
- value เก็บมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท
ข้อใดได้ชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสินทรัพย์น้อยสุดสักหนึ่งบริษัท
min(r.items())[0]
min([(k[1],k[0]) for k in r])[1]
sorted([(-v,k) for k,v in r.items()])[-1][1] <*>
max([(-v,r[v]) for v in t.values()])[1]
มีข้อถูกมากกว่า 1 ข้อ
ให้ d เป็น dict ที่มี
- key เป็นรหัสลูกค้า
- value เก็บลิสต์ของชื่อเกมที่ลูกค้าคนนี้ได้ซื้อไปแล้ว
ข้อใดแสดงจำนวนชื่อเกมที่แตกต่างกันทั้งหมดที่ได้ขายไปแล้ว
c = {}
for k in d:
c = c.union(d[k])
print(len(c))
c = 0
for k,v in d.items():
c += len(v)
print(c)
c = 0
for k in d:
for e in d[k]:
c += 1
print(c)
ในตัว A, B, C มีถูก 2 ข้อ
ไม่มีข้อใดถูก <*>
ให้ d เป็น dict ที่มี
- key เป็นรหัสสินค้า
- value เก็บลิสต์ของรหัสสาขาร้านที่ยังมีสินค้านี้เหลืออยู่
ข้อใดแสดงจำนวนสาขาร้านทั้งหมดที่ยังมีสินค้าขายในร้าน
c = {}
for k in d.keys():
c = c.union(d[k])
print(len(c))
c = 0
for v in d.values():
c += len(v)
print(c)
c = 0
for k in d:
for e in d[k]:
c += 1
print(c)
ในตัว A, B, C มีถูก 2 ข้อ
ไม่มีข้อใดถูก <*>
ให้ d เป็น dict ที่มี
- key เป็นรหัสลูกค้า
- value เก็บลิสต์ของชื่อเกมที่ลูกค้าคนนี้ได้ซื้อไปแล้ว
ข้อใดสร้าง s เป็น dict ที่มี
- key เป็นชื่อเกม
- value เก็บเซตของรหัสลูกค้าทั้งหมดที่ได้ซื้อเกมนี้
s = {}
for v in d.values:
if v not in s:
s[v] = set()
s[v].add(d[v])
s = {}
x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
for k,e in x:
s[e] = set()
for k,e in x:
s[e].add(k) <*>
s = dict([(d[k],k) for k in d])
s = {}
x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
for k,e in x:
s[e].update(k)
ไม่มีข้อใดถูก
ให้ d เป็น dict ที่มี
- key เป็นรหัสสินค้า
- value เก็บลิสต์ของรหัสสาขาร้านที่ยังมีสินค้านี้เหลืออยู่
ข้อใดสร้าง s เป็น dict ที่มี
- key เป็นรหีสสาขาร้าน
- value เก็บเซตของรหัสสินค้าต่าง ๆ ที่ร้านนี้มีขาย
s = {}
for v in d.values:
if v not in s:
s[v] = set()
s[v].add(d[v])
s = {}
x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
for k,e in x:
s[e] = set()
for k,e in x:
s[e].add(k) <*>
s = dict([(d[k],k) for k in d])
s = {}
x = [(k,e) for k in d for e in d[k]]
for k,e in x:
s[e].update(k)
ไม่มีข้อใดถูก
-------------------------------
ให้ d เป็น numpy array ขนาด 100x100
ให้ N = d.shape[0] และ M = d.shape[1]
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)
ข้อใดทำให้ข้อมูลในแถวแนวนอนอินเด็กซ์เลขคี่ทั้งหมด
มีค่าเป็น 0 ทั้งแถว
d[1:-1:2] = [0]
d[range(0,N,2), range(M)] = 0
d[::-2, ::] = 0 <*>
d[np.arange(N)%2==0, np.arange(M)] = 0
ไม่มีข้อใดถูก
ให้ d เป็น numpy array ขนาด 111x111
ให้ N = d.shape[0] และ M = d.shape[1]
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)
ข้อใดทำให้ข้อมูลในแถวแนวนอนอินเด็กซ์เลขคู่ทั้งหมด
มีค่าเป็น 0 ทั้งแถว
d[0:-1:2] = [0]
d[range(1,N,2), range(M)] = 0
d[-2::-2, ::] = 0 <*>
d[np.arange(N)%2==1, np.arange(M)] = 0
ไม่มีข้อใดถูก
-------------------------------
ให้ x เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
ฟังก์ชันใดคืน mode ของข้อมูลใน x
mode คือข้อมูลที่ปรากฏเป็นจำนวนครั้งมากสุดใน x
ถ้ามีตัวที่เป็น mode หลายตัว ให้คืนตัวซ้ายสุด
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)
def mode(x):
y = np.array([x]).T
c = np.sum(x==y, axis=0)
return x[np.argmax(c)] <*>
def mode(x):
return np.max(np.sum(x.dot(x.T),axis=1))
def mode(x):
t = x.reshape((x.shape[0],1))
return np.max(np.sum(x==t, axis=1))
def mode(x):
t = x.reshape((x.shape[::-1]))
return x[np.argmax(np.sum(x==t, axis=1))]
ไม่มีข้อใดถูก
ให้ x เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
f(x) ในข้อใดคืนจริง เมื่อ x มีข้อมูลในที่ซ้ำกัน
เกิน 50% ของจำนวนข้อมูลทั้งหมด ถ้าไม่มีคืนเท็จ
(สมมติว่าได้ import numpy as np แล้ว)
def f(x):
N = x.shape[0]
y = np.array([x]).T
m = np.max(np.sum(x==y, axis=0))
return m > N/2
def f(x):
N = x.shape[0]
s = np.sum(x.dot(x.T),axis=0)
m = np.max(s)
return m > N/2
def f(x):
N = x.shape[0]
c = np.sum(x == sorted(x)[N//2])
return c > N/2
มีข้อที่ทำได้ตามต้องการ 2 ข้อ <*>
ไม่มีข้อใดถูก
-------------------------------
ให้ d เป็น dict มี
- คีย์ ชื่อจังหวัด, value เป็น dict ที่มี
- คีย์ 'region', value เก็บชื่อย่อภาค
- คีย์ 'population', value เก็บจำนวนประชากร
- ชื่อย่อภาคประกอบด้วย N, E, W, S, C, NE
นักเรียนคนหนึ่งเขียนฟังก์ชัน f(d) ข้างล่างนี้ มีหน้าที่
คืน dict ที่มีคีย์เป็นภาค, value เก็บจำนวนจังหวัดในภาค
def f(d):
c = {'NE':0, 'C':0, 'N':0, \
'E':0, 'W':0, 'S':0}
for p in d:
r = d[p]['region'] # บรรทัด I
for k in c: # บรรทัด II
if r in k: # บรรทัด III
c[r] += 1 # บรรทัด IV
break # บรรทัด V
return c
หลังจากทดสอบการทำงานแล้ว พบว่า ได้คำตอบเกือบถูก
ถ้าจะปรับฟังก์ชันนี้ ด้วยจำนวนการแก้ไขคำสั่งให้น้อยสุด ๆ
เพื่อให้ทำงานได้ถูกต้อง ต้องแก้ไขที่บรรทัดใด
บรรทัด I
บรรทัด II
บรรทัด III <*>
บรรทัด IV
บรรทัด V