<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว
for i in range(3):
print('*')
for j in range(4):
print('*')
for k in range(5):
print('*')
Solution:
3 + 3*4 + 3*4*5 = 75 |
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว
for i in range(5):
print('*')
for j in range(4):
print('*')
for k in range(3):
print('*')
Solution:
5 + 5*4 + 5*4*3 = 85 |
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว
for i in range(4):
print('*')
for j in range(5):
print('*')
for k in range(3):
print('*')
Solution:
4 + 4*5 + 5*4*3 = 84 |
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว
for i in range(3):
print('*')
for j in range(5):
print('*')
for k in range(4):
print('*')
Solution:
3 + 3*5 + 5*4*3 = 78 |
<2> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 3,11,15 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
3,17,15 |
<2> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,11,18 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
4,19,18 |
<2> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 30,40,300 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
30,130,300 |
<2> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 20,50,200 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
20,110,200 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,6 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
5,7,18 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,8 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
4,10,22 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,3 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
8,1,12 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,3 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
7,2,12 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,3,1 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
5,3,9 |
<3> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 6,4,2 ตามลำดับ
พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง
a,b และ c จะมีค่าเท่าไร
Solution:
6,4,12 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้
(ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย)
|
<5> |
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้
รับ x เป็นจำนวนเต็มบวก
คืนลิสต์ของจำนวนเฉพาะต่าง ๆ ที่เป็นตัวประกอบของ x
เช่น f(63) คืน [3,3,7]
จงเติมคำสั่งแทนที่เครื่องหมาย **** และ ????
เพื่อให้ f ทำงานถูกต้อง
def f(x):
fac = []
k = 2
while **** : # <------
while ???? : # <------
x = x//k
fac.append(k)
k += 1
return fac
Solution:
**** คือ k <= x
???? คือ x%k == 0 |
<6> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่
คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์เล็กใน x เลย
ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ
โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน
ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon)
Solution:
def f(x):
return x.upper() == x
# return sum([1 for e in x if 'a'<=e<='z']) == 0
|
<6> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่
คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ใน x เลย
ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ
โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน
ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon)
Solution:
def f(x):
return x.lower() == x
# return sum([1 for e in x if 'A'<=e<='Z']) == 0
|
<7> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y)
- x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนจริง
- ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย
- f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y
ที่มีค่าต่างกันไม่เกิน 1
- ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce
เช่น f(np.array([1.1, 2.1]),np.array([1, 2.0, 3.2]))
คืน 3 (คือคู่ 1.1 กับ 1, 1.1 กับ 2.0 และ 2.1 กับ 2.0)
Solution:
def f(x,y):
z = x - y.reshape((y.shape[0],1))
return np.sum(np.abs(z) <= 1)
|
<7> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y)
- x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
- ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย
- f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y
ที่มีค่าต่างกันไม่เกิน 2
- ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce
เช่น f(np.array([2,4]),np.array([3,9,6]))
คืน 3 (คือคู่ 2 กับ 3, 4 กับ 3 และ 4 กับ 6)
Solution:
def f(x,y):
z = x - y.reshape((y.shape[0],1))
return np.sum(np.abs(z) <= 2)
|
<7> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y)
- x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
- ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย
- f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y
ที่ค่าใน x น้อยกว่าค่าใน y
- ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce
เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6]))
คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 9, 5 กับ 6 และ 8 กับ 9)
Solution:
def f(x,y):
z = x < y.reshape((y.shape[0],1))
return np.sum(z)
|
<7> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y)
- x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม
- ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย
- f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y
ที่ค่าใน x มากกว่าค่าใน y
- ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce
เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6]))
คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 3, 8 กับ 3 และ 8 กับ 6)
Solution:
def f(x,y):
z = x > y.reshape((y.shape[0],1))
return np.sum(z)
|
<8> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ
def f(x):
if len(x)==0: return 0
y = sorted(x)
c = y[0]
k = 1
m = 1
for e in y[1:]:
if e == c:
k += 1
else:
m = max(m, k)
c = e
k = 1
return m
Solution:
x มีตัวซ้ำกันมากสุดกี่ตัว
f([1,3,1,1,2,1,1]) -> 5 |
<8> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ
def f(x):
if len(x)==0: return 0
c = x[0]
k = 1
m = 1
for e in x[1:]:
if c < e:
k += 1
if k > m: m = k
else:
k = 1
c = e
return m
Solution:
x มีตัวที่ติดกันมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว
f([1,2,3,3,4,5,9,1]) --> 4 |
<8> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ
def f(x):
if len(x)==0: return 0
c = x[0]
k = 1
m = 1
for e in x[1:]:
if c > e:
k += 1
if k < m: m = k
else:
k = 1
c = e
return m
Solution:
x มีตัวที่ติดกันมีค่าลดลงเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว
f([9,4,3,8,6,5,4,1,9]) -> 5 |
<8> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ
def f(x):
if len(x)==0: return 0
c = x[0]
k = 1
m = 1
for e in x[1:]:
if c == e:
k += 1
if k > m: m = k
else:
k = 1
c = e
return m
Solution:
x มีตัวที่ติดกันเท่ากันมากสุดกี่ตัว
f([2,3,1,1,1,2,2,2,2,1,3,1]) -> 4 |
<9> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
self.c = x+y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
b = A(3, 4)
print(a, b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
[2, 9] [3, 7]
Solution:
def __str__(self):
return '['+str(self.a)+', '+str(self.c)+']'
|
<9> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
self.c = x+y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
b = A(3, 4)
print(a, b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
[7, 9] [4, 7]
Solution:
def __str__(self):
return '['+str(self.b)+', '+str(self.c)+']'
|
<9> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
self.c = x+y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
b = A(3, 4)
print(a, b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
[7, 2] [4, 3]
Solution:
def __str__(self):
return '['+str(self.b)+', '+str(self.a)+']'
|
<9> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
self.c = x+y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
b = A(3, 4)
print(a, b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
[9, 2] [7, 3]
Solution:
def __str__(self):
return '['+str(self.c)+', '+str(self.a)+']'
|
<10> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
a.action()
print(a.a, a.b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
0 0
Solution:
def action(self):
self.a = self.b = 0
|
<10> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
a.action()
print(a.a, a.b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
-1 0
Solution:
def action(self):
self.a = -1
self.b = 0
|
<10> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
a.action()
print(a.a, a.b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
5 5
Solution:
def action(self):
self.a = 5
self.b = 5
|
<10> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้
class A:
def __init__(self, x, y):
self.a = x
self.b = y
ต้องทำอย่างไรกับคลาส A
เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้
a = A(2, 7)
a.action()
print(a.a, a.b)
จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ
3 4
Solution:
def action(self):
self.a = 3
self.b = 4
|