โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(3): print('*') for j in range(4): print('*') for k in range(5): print('*') 3 + 3*4 + 3*4*5 = 75 โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(5): print('*') for j in range(4): print('*') for k in range(3): print('*') 5 + 5*4 + 5*4*3 = 85 โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(4): print('*') for j in range(5): print('*') for k in range(3): print('*') 4 + 4*5 + 5*4*3 = 84 โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(3): print('*') for j in range(5): print('*') for k in range(4): print('*') 3 + 3*5 + 5*4*3 = 78

-------------------------------

จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 3,11,15 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 3,17,15 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,11,18 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 4,19,18 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 30,40,300 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 30,130,300 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 20,50,200 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 20,110,200

-------------------------------

จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,6 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 5,7,18 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,8 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 4,10,22 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,3 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 8,1,12 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,3 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 7,2,12 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,3,1 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 5,3,9 จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 6,4,2 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร <><> 6,4,12

-------------------------------

จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><> จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><> จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><> จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><> จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><> จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) <><>

-------------------------------

ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ รับ x เป็นจำนวนเต็มบวก คืนลิสต์ของจำนวนเฉพาะต่าง ๆ ที่เป็นตัวประกอบของ x เช่น f(63) คืน [3,3,7] จงเติมคำสั่งแทนที่เครื่องหมาย **** และ ???? เพื่อให้ f ทำงานถูกต้อง def f(x): fac = [] k = 2 while **** : # <------ while ???? : # <------ x = x//k fac.append(k) k += 1 return fac **** คือ k <= x ???? คือ x%k == 0

-------------------------------

จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่ คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์เล็กใน x เลย ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon) def f(x): return x.upper() == x # return sum([1 for e in x if 'a'<=e<='z']) == 0 จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่ คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ใน x เลย ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon) def f(x): return x.lower() == x # return sum([1 for e in x if 'A'<=e<='Z']) == 0

-------------------------------

จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนจริง - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่มีค่าต่างกันไม่เกิน 1 - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([1.1, 2.1]),np.array([1, 2.0, 3.2])) คืน 3 (คือคู่ 1.1 กับ 1, 1.1 กับ 2.0 และ 2.1 กับ 2.0) def f(x,y): z = x - y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(np.abs(z) <= 1) จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่มีค่าต่างกันเกิน 2 - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([2,4]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 2 กับ 9, 2 กับ 6 และ 4 กับ 9) def f(x,y): z = x - y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(np.abs(z) > 2) จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่ค่าใน x น้อยกว่าค่าใน y - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 9, 5 กับ 6 และ 8 กับ 9) def f(x,y): z = x < y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(z) จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่ค่าใน x มากกว่าค่าใน y - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 3, 8 กับ 3 และ 8 กับ 6) def f(x,y): z = x > y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(z)

-------------------------------

ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 y = sorted(x) c = y[0] k = 1 m = 1 for e in y[1:]: if e == c: k += 1 else: m = max(m, k) c = e k = 1 return m x มีตัวซ้ำกันมากสุดกี่ตัว f([1,3,1,1,2,1,1]) -> 5 ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c < e: k += 1 if k > m: m = k else: k = 1 c = e return m x มีตัวที่ติดกันมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว f([1,2,3,3,4,5,9,1]) --> 4 ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c > e: k += 1 if k < m: m = k else: k = 1 c = e return m x มีตัวที่ติดกันมีค่าลดลงเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว f([9,4,3,8,6,5,4,1,9]) -> 5 ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c == e: k += 1 if k > m: m = k else: k = 1 c = e return m x มีตัวที่ติดกันเท่ากันมากสุดกี่ตัว f([2,3,1,1,1,2,2,2,2,1,3,1]) -> 4

-----------------------------------

จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [2, 9] [3, 7] def __str__(self): return '['+str(self.a)+', '+str(self.c)+']' จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [7, 9] [4, 7] def __str__(self): return '['+str(self.b)+', '+str(self.c)+']' จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [7, 2] [4, 3] def __str__(self): return '['+str(self.b)+', '+str(self.a)+']' จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [9, 2] [7, 3] def __str__(self): return '['+str(self.c)+', '+str(self.a)+']'

-----------------------------------

จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 0 0 def action(self): self.a = self.b = 0 จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ -1 0 def action(self): self.a = -1 self.b = 0 จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 5 5 def action(self): self.a = 5 self.b = 5 จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 3 4 def action(self): self.a = 3 self.b = 4