เขียนตอบแต่ละข้อเริ่มด้วยเลขข้อในรูปแบบ <เลขข้อ>
<1> x = input() print(x, x*2, x*3) <2> <3> np.sum(x-y,axis=1) <4> หาว่าในลิสต์มีเลขคี่หรือไม่
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว (อนุญาตให้ตอบคลาดเคลื่อนได้ บวกลบ 1) i,j = 10, 2010 while i < j: print('*') i += 13 j -= 7Solution: ceil((2010-10)/(13+7)) = 100 |
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว (อนุญาตให้ตอบคลาดเคลื่อนได้ บวกลบ 1) i,j = 25, 1225 while i < j: print('*') i += 5 j -= 25Solution: ceil((1225-25)/(5+25)) = 40 |
<1> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว (อนุญาตให้ตอบคลาดเคลื่อนได้ บวกลบ 1) i,j = 500, 1750 while i < j: print('*') i += 2 j -= 3Solution: ceil((1750-500)/(2+3)) = 250 |
<2> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(3): print('*') for j in range(4): print('*') for k in range(5): print('*')Solution: 3 + 3*4 + 3*4*5 = 75 |
<2> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(5): print('*') for j in range(4): print('*') for k in range(3): print('*')Solution: 5 + 5*4 + 5*4*3 = 85 |
<2> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(4): print('*') for j in range(5): print('*') for k in range(3): print('*')Solution: 4 + 4*5 + 5*4*3 = 84 |
<2> |
โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(3): print('*') for j in range(5): print('*') for k in range(4): print('*')Solution: 3 + 3*5 + 5*4*3 = 78 |
<3> |
ให้ x เก็บจำนวนเต็ม จงเขียนคำสั่งแสดงเลขหลักสิบใน x ถ้าไม่มีเลขที่หลักนี้ ก็แสดง 0Solution: print(x//10%10) |
<3> |
ให้ x เก็บจำนวนเต็ม จงเขียนคำสั่งแสดงเลขหลักร้อยใน x ถ้าไม่มีเลขที่หลักนี้ ก็แสดง 0Solution: print(x//100%10) |
<3> |
ให้ x เก็บจำนวนเต็ม จงเขียนคำสั่งแสดงเลขหลักพันใน x ถ้าไม่มีเลขที่หลักนี้ ก็แสดง 0Solution: print(x//1000%10) |
<3> |
ให้ x เก็บจำนวนเต็ม จงเขียนคำสั่งแสดงเลขหลักหมื่นใน x ถ้าไม่มีเลขที่หลักนี้ ก็แสดง 0Solution: print(x//10000%10) |
<3> |
ให้ x เก็บจำนวนเต็ม จงเขียนคำสั่งแสดงเลขหลักแสนใน x ถ้าไม่มีเลขที่หลักนี้ ก็แสดง 0Solution: print(x//100000%10) |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if a==1: b = a+1 elif a==3: b = a+3 if b>2: a = a+5 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if x==1: a = 2*x elif x==3: a = x/2 if a>2: a = x+1 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if z>10: y = z/3 elif z>5: y = 5*z if y>2: z = z+1 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if z<10: y = z/2 elif z<50: y = 4*z if y<2: z = z+2 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if x==a: a = 2*x elif x==b: a = x/2 if x>2: c = x+1 |
<4> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: if a==b: b = a+1 elif a==c: c = a+3 if b>x: a = a+b |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: b = 1831 a = 3751 while a>1: b += a+1 if b%a == 7: break a //= 2 print(a,b) |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: a = 1832 b = 3751 while a>0: b *= a+1 if a%b == 0: break a -=17 print(a,b) |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: a = 1383 b = 3715 while a>0: b *= a+1 if not(b%a == 3): break a -= 29 print(a,b) |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: b = 1834 a = 3751 while not(a>1): b += a+3 if b%a == 9: break a //= 2 print(a,b) |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: a = 1835 b = 3751 while not(a>0): b *= a+1 if a%b == 0: break a -= 17 print(a,b) |
<5> |
จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ ![]() Solution: b = 1836 a = 3751 while a>1: b += a+1 if not(b%a == 7): break a //= 2 print(a,b) |
<6> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 3,11,15 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 3,17,15 |
<6> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,11,18 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 4,19,18 |
<6> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 30,40,300 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 30,130,300 |
<6> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 20,50,200 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 20,110,200 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,6 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 5,7,18 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,8 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 4,10,22 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,1,3 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 8,1,12 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 4,2,3 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 7,2,12 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 5,3,1 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 5,3,9 |
<7> |
จาก flowchart ถ้าเริ่มต้น a,b และ c มีค่า 6,4,2 ตามลำดับ พอทำงานจนถึงวงกลมเลข 1 ด้านล่าง a,b และ c จะมีค่าเท่าไร ![]() Solution: 6,4,12 |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<8> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร a, x, y และ z ได้เลย) ![]() |
<9> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร s, k, j และ n ได้เลย) ![]() |
<9> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร s, k, j และ n ได้เลย) ![]() |
<9> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร s, k, j และ n ได้เลย) ![]() |
<9> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร s, k, j และ n ได้เลย) ![]() |
<9> |
จงเขียนคำสั่งที่คำนวณสูตรข้างล่างนี้ (ใช้ตัวแปร s, k, j และ n ได้เลย) ![]() |
<10> |
ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ รับ x เป็นจำนวนเต็มบวก คืนลิสต์ของจำนวนเฉพาะต่าง ๆ ที่เป็นตัวประกอบของ x เช่น f(63) คืน [3,3,7] จงเติมคำสั่งแทนที่เครื่องหมาย **** และ ???? เพื่อให้ f ทำงานถูกต้อง def f(x): fac = [] k = 2 while **** : # <------ while ???? : # <------ x = x//k fac.append(k) k += 1 return facSolution: **** คือ k <= x ???? คือ x%k == 0 |
<11> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่ คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์เล็กใน x เลย ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon)Solution: def f(x): return x.upper() == x # return sum([1 for e in x if 'a'<=e<='z']) == 0 |
<11> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่ คืนจริง ถ้าไม่มีตัวอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ใน x เลย ไม่เช่นนั้นคืนเท็จ โดยให้เขียนเพียงบรรทัดเดียวในฟังก์ชัน ไม่มีการใช้เครื่องหมาย ; (semicolon)Solution: def f(x): return x.lower() == x # return sum([1 for e in x if 'A'<=e<='Z']) == 0 |
<12> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนจริง - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่มีค่าต่างกันไม่เกิน 1 - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([1.1, 2.1]),np.array([1, 2.0, 3.2])) คืน 3 (คือคู่ 1.1 กับ 1, 1.1 กับ 2.0 และ 2.1 กับ 2.0)Solution: def f(x,y): z = x - y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(np.abs(z) <= 1) |
<12> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่มีค่าต่างกันไม่เกิน 2 - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([2,4]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 2 กับ 3, 4 กับ 3 และ 4 กับ 6)Solution: def f(x,y): z = x - y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(np.abs(z) <= 2) |
<12> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่ค่าใน x น้อยกว่าค่าใน y - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 9, 5 กับ 6 และ 8 กับ 9)Solution: def f(x,y): z = x < y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(z) |
<12> |
จงเขียนฟังก์ชัน f(x, y) - x และ y เป็น numpy array หนึ่งมิติเก็บจำนวนเต็ม - ค่าใน x ไม่เท่ากันเลย และค่าใน y ก็ไม่เท่ากันเลย - f(x,y) คืนจำนวนคู่ข้อมูลของ x กับ y ที่ค่าใน x มากกว่าค่าใน y - ห้ามใช้คำสั่ง for, while, comprehension, map, reduce เช่น f(np.array([5,8]),np.array([3,9,6])) คืน 3 (คือคู่ 5 กับ 3, 8 กับ 3 และ 8 กับ 6)Solution: def f(x,y): z = x > y.reshape((y.shape[0],1)) return np.sum(z) |
<13> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 y = sorted(x) c = y[0] k = 1 m = 1 for e in y[1:]: if e == c: k += 1 else: m = max(m, k) c = e k = 1 return mSolution: x มีตัวซ้ำกันมากสุดกี่ตัว f([1,3,1,1,2,1,1]) -> 5 |
<13> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c < e: k += 1 if k > m: m = k else: k = 1 c = e return mSolution: x มีตัวที่ติดกันมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว f([1,2,3,3,4,5,9,1]) --> 4 |
<13> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c > e: k += 1 if k < m: m = k else: k = 1 c = e return mSolution: x มีตัวที่ติดกันมีค่าลดลงเรื่อย ๆ มากสุดกี่ตัว f([9,4,3,8,6,5,4,1,9]) -> 5 |
<13> |
ให้ x เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม ฟังก์ชัน f(x) ข้างล่างนี้ทำอะไร อธิบายสั้น ๆ ไม่เกิน 30 คำ def f(x): if len(x)==0: return 0 c = x[0] k = 1 m = 1 for e in x[1:]: if c == e: k += 1 if k > m: m = k else: k = 1 c = e return mSolution: x มีตัวที่ติดกันเท่ากันมากสุดกี่ตัว f([2,3,1,1,1,2,2,2,2,1,3,1]) -> 4 |
<14> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [2, 9] [3, 7]Solution: def __str__(self): return '['+str(self.a)+', '+str(self.c)+']' |
<14> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [7, 9] [4, 7]Solution: def __str__(self): return '['+str(self.b)+', '+str(self.c)+']' |
<14> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [7, 2] [4, 3]Solution: def __str__(self): return '['+str(self.b)+', '+str(self.a)+']' |
<14> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y self.c = x+y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) b = A(3, 4) print(a, b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ [9, 2] [7, 3]Solution: def __str__(self): return '['+str(self.c)+', '+str(self.a)+']' |
<15> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 0 0Solution: def action(self): self.a = self.b = 0 |
<15> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ -1 0Solution: def action(self): self.a = -1 self.b = 0 |
<15> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 5 5Solution: def action(self): self.a = 5 self.b = 5 |
<15> |
จากคลาส A ข้างล่างนี้ class A: def __init__(self, x, y): self.a = x self.b = y ต้องทำอย่างไรกับคลาส A เพื่อทำให้การทำงานคำสั่งข้างล่างนี้ a = A(2, 7) a.action() print(a.a, a.b) จะแสดงข้างล่างนี้ทางจอภาพ 3 4Solution: def action(self): self.a = 3 self.b = 4 |