โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(101): for j in range(i,101): print('*') 101*100/2 + 101 = 5151 โปรแกรมข้างล่างนี้แสดง * กี่ตัว for i in range(101): for j in range(i+1,101): print('*') 101*100/2 = 5050

-------------------------------

จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><> จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><> จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><> จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><> จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><> จงเขียนคำสั่งที่ทำงานตาม flowchart ข้างล่างนี้ <><>

-------------------------------

จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นจำนวนเต็ม แล้วคืนว่ามีตัวเลข (digit) กี่ตัวใน x ที่เป็น จำนวนคู่ เช่น f(123402) คืน 4 เพราะมีเลข 2, 4, 0 และ 2 เป็นจำนวนคู่ จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นจำนวนเต็ม แล้วคืนว่ามีตัวเลข (digit) กี่ตัวใน x ที่เป็น จำนวนคี่ เช่น f(12399) คืน 4 เพราะมีเลข 1, 3, 9 และ 9 เป็นจำนวนคี่ จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นจำนวนเต็ม แล้วคืนว่ามีตัวเลข (digit) กี่ตัวใน x ที่มีค่า เกิน 5 เช่น f(1639958) คืน 4 เพราะมีเลข 6, 9, 9 และ 8 มีค่าเกิน 5 จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นจำนวนเต็ม แล้วคืนว่ามีตัวเลข (digit) กี่ตัวใน x ที่มีค่า น้อยกว่า 5 เช่น f(1633459) คืน 4 เพราะมีเลข 1, 3, 3 และ 4 มีค่าน้อยกว่า 5

-------------------------------

จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นลิสต์เก็บ tuples แต่ละ tuple มีสองช่องเก็บสตริงทั้งสองช่อง ผลลัพธ์ที่ f คืนคือลิสต์ที่มีข้อมูลเหมือน x แต่เรียงลำดับจากน้อยไปมาก (ซ้ายไปขวา) ตามเงื่อนไขดังนี้ - เรียงน้อยไปมากตามจำนวนตัวสระอังกฤษที่มีซ้ำทั้งใน สตริงสองตัวใน tuple (ถ้าสระตัวเดียวกันมีซ้ำหลายครั้ง ให้นับครั้งเดียว) - ถ้าจำนวนนับในข้อที่แล้วเท่ากัน ให้เรียงตามลำดับที่ปรากฎใน x - ให้ถือว่า ไม่มีตัวอักษรพิมพใหญ่ในสตริงเลย เช่น x = [('au','ua'),('ede','ee'),('aa','xa')] ผลคือ [('ede','ee'),('aa','xa'),('au','ua')] เพราะ x[0] มี a กับ u เป็นตัวซ้ำ, x[1] มี e เป็นตัวซ้ำ และ x[2] มี a เป็นตัวซ้ำ x[1] กับ x[2] มีจำนวนซ้ำเท่ากัน แต่ x[1] อยู่ทางซ้ายของ x[2] ใน x ดังนั้น x[1] จึงต้องอยู่ทางซ้ายของ x[2] ในผลลัพธ์ จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นลิสต์เก็บ tuples แต่ละ tuple มีสองช่องเก็บสตริงทั้งสองช่อง ผลลัพธ์ที่ f คืนคือลิสต์ที่มีข้อมูลเหมือน x แต่เรียงลำดับจากน้อยไปมาก (ซ้ายไปขวา) ตามเงื่อนไขดังนี้ - เรียงน้อยไปมากตามจำนวนตัวเลขที่มีซ้ำทั้งใน สตริงสองตัวใน tuple (ถ้าตัวเลขตัวเดียวกันมีซ้ำ หลายครั้ง ให้นับครั้งเดียว) - ถ้าจำนวนนับในข้อที่แล้วเท่ากัน ให้เรียงตามลำดับที่ปรากฎใน x เช่น x = [('12','21'),('8d8','88'),('66','x6')] ผลคือ [('8d8','88'),('66','x6'),('12','21')] เพราะ x[0] มี 1 กับ 2 เป็นตัวซ้ำ, x[1] มี 8 เป็นตัวซ้ำ และ x[2] มี 6 เป็นตัวซ้ำ x[1] กับ x[2] มีจำนวนซ้ำเท่ากัน แต่ x[1] อยู่ทางซ้ายของ x[2] ใน x ดังนั้น x[1] จึงต้องอยู่ทางซ้ายของ x[2] ในผลลัพธ์ จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นลิสต์เก็บ tuples แต่ละ tuple มีสองช่องเก็บสตริงทั้งสองช่อง ผลลัพธ์ที่ f คืนคือลิสต์ที่มีข้อมูลเหมือน x แต่เรียงลำดับจากน้อยไปมาก (ซ้ายไปขวา) ตามเงื่อนไขดังนี้ - เรียงน้อยไปมากตามจำนวนสระอังกฤษในสตริงทั้งสอง ของ tuple (ถ้ามีสระซ้ำหลายตัว ให้นับครั้งเดียว) - ถ้าจำนวนนับในข้อที่แล้วเท่ากัน ให้เรียงตามลำดับที่ปรากฎใน x - ให้ถือว่า ไม่มีตัวอักษรพิมพใหญ่ในสตริงเลย เช่น x = [('aq','ae'),('ax','xsa'),('ai','sia')] ผลคือ [('ax','xsa'),('aq','ae'),('ai','sia')] เพราะ x[0] มี a กับ e, x[1] มี a และ x[2] มี a กับ i x[0] กับ x[2] มีจำนวนสระเท่ากัน แต่ x[0] อยู่ทางซ้ายของ x[2] ใน x ดังนั้น x[0] จึงต้องอยู่ทางซ้ายของ x[2] ในผลลัพธ์ จงเขียนฟังก์ชัน f(x) ที่รับ x เป็นลิสต์เก็บ tuples แต่ละ tuple มีสองช่องเก็บสตริงทั้งสองช่อง ผลลัพธ์ที่ f คืนคือลิสต์ที่มีข้อมูลเหมือน x แต่เรียงลำดับจากน้อยไปมาก (ซ้ายไปขวา) ตามเงื่อนไขดังนี้ - เรียงน้อยไปมากตามจำนวนตัวเลขในสตริงทั้งสอง ของ tuple (ถ้ามีตัวเลขซ้ำหลายตัว ให้นับครั้งเดียว) - ถ้าจำนวนนับในข้อที่แล้วเท่ากัน ให้เรียงตามลำดับที่ปรากฎใน x เช่น x = [('1x','21'),('4x','qs4'),('25','5i2')] ผลคือ [('4x','qs4'),('1x','21'),('25','5i2')] เพราะ x[0] มี 1 กับ 2, x[1] มี 4 และ x[2] มี 2 กับ 5 x[0] กับ x[2] มีจำนวนตัวเลขเท่ากัน แต่ x[0] อยู่ทางซ้ายของ x[2] ใน x ดังนั้น x[0] จึงต้องอยู่ทางซ้ายของ x[2] ในผลลัพธ์

-------------------------------

source code ของภาษา Python ใช้เครื่องหมาย # เป็นตัวระบุจุดเริ่มต้นของ comment ในบรรทัด เราสามารถ เขียน # เป็นตัวแรกของบรรทัด (อาจนำหน้าด้วยช่องว่าง) เสมือนให้ทั้งบรรทัดเป็น comment จงเขียนโปรแกรมอ่านแฟ้ม prog.py เพื่อตัดบรรทัดที่เป็น comment ออกทั้งบรรทัด แล้วนำผลที่ได้บันทึกในแฟ้ม out.py เช่น prog.py มี code คือ # sample f = input() # user input for e in f: # a comment line print(e, "###") # done จะได้ out.py มี code คือ f = input() # user input for e in f: print(e, "###") แฟ้มหนึ่งชื่อ in.txt มีข้อความหลายบรรทัด บรรทัดไหนที่ขึ้นต้นด้วย -- (อาจมีช่องว่างนำหน้า) หมายความว่า ผู้สร้างแฟ้ม ไม่สนใจบรรทัดนั้น ตัดออกได้ จงเขียนโปรแกรมอ่านแฟ้ม in.txt เพื่อตัดบรรทัดที่ ขึ้นต้นด้วย -- ออกทั้งบรรทัด แล้วนำผลที่ได้บันทึกในแฟ้ม out.txt เช่น in.txt มีข้อมูลคือ this is the first line -- second line is not important -- so is the third line but this line is Okay จะได้ out.txt มีข้อมูล คือ this is the first line but this line is Okay แฟ้มหนึ่งชื่อ in.txt มีข้อความหลายบรรทัด นาย A ไม่ชอบบรรทัดที่มีคำ (หรือส่วนของคำ) ว่า Mr.A จงเขียนโปรแกรมอ่านแฟ้ม in.txt เพื่อตัดบรรทัดที่นาย A ไม่ชอบออกทั้งบรรทัด แล้วนำผลที่ได้บันทึกในแฟ้ม out.txt เช่น in.txt มีข้อมูลคือ This is the story of my boss whose name is Mr.A. I call him "Mr.A The dude". I don't like him. จะได้ out.txt มีข้อมูล คือ This is the story of my boss I don't like him.

-------------------------------