กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาบวกกัน เช่น x0 = [1, 2, 3, 4] จะได้ x1 = [1+2, 2+3, 3+4] = [3, 5, 7] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาบวกกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [3+5, 5+7] = [8, 12] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาบวกกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [8+12] = [20] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 3, 4]) ได้ [[1, 2, 3, 4], [3, 5, 7], [8, 12], [20]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาบวกกัน เช่น x0 = [1, 2, 3, 4] จะได้ x1 = [1+2, 2+3, 3+4] = [3, 5, 7] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาบวกกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [3+5, 5+7] = [8, 12] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาบวกกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [8+12] = [20] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 3, 4]) ได้ [[20], [8, 12], [3, 5, 7], [1, 2, 3, 4]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาคูณกัน เช่น x0 = [1, 2, 3, 4] จะได้ x1 = [1*2, 2*3, 3*4] = [2, 6, 12] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาคูณกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [2*6, 6*12] = [12, 72] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาคูณกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [12*72] = [864] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 3, 4]) ได้ [[1, 2, 3, 4], [2, 6, 12], [12, 72], [864]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาคูณกัน เช่น x0 = [1, 2, 3, 4] จะได้ x1 = [1*2, 2*3, 3*4] = [2, 6, 12] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาคูณกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [2*6, 6*12] = [12, 72] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาคูณกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [12*72] = [864] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 3, 4]) ได้ [[864], [12, 72], [2, 6, 12], [1, 2, 3, 4]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาลบกัน เช่น x0 = [1, 2, 8, 32] จะได้ x1 = [1-2, 2-8, 8-32] = [-1, -6, -24] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาลบกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [-1--6, -6--24] = [5, 18] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาลบกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [5-18] = [-13] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 8, 32]) ได้ [[1, 2, 8, 32], [-1, -6, -24], [5, 18], [-13]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาลบกัน เช่น x0 = [1, 2, 8, 32] จะได้ x1 = [1-2, 2-8, 8-32] = [-1, -6, -24] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาลบกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [-1--6, -6--24] = [5, 18] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาลบกัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [5-18] = [-13] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([1, 2, 8, 32]) ได้ [[-13], [5, 18], [-1, -6, -24], [1, 2, 8, 32]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาหาตัวมาก เช่น x0 = [4, 2, 3, 9] จะได้ x1 = [max(4,2), max(2,3), max(3,9)] = [4, 3, 9] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาหาตัวมาก ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [max(4,3), max(3,9)] = [4, 9] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาหาตัวมาก ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [max(4,9)] = [9] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([4, 2, 3, 9]) ได้ [[4, 2, 3, 9], [4, 3, 9], [4, 9], [9]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาหาตัวมาก เช่น x0 = [4, 2, 3, 9] จะได้ x1 = [max(4,2), max(2,3), max(3,9)] = [4, 3, 9] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาหาตัวมาก ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [max(4,3), max(3,9)] = [4, 9] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาหาตัวมาก ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [max(4,9)] = [9] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([4, 2, 3, 9]) ได้ [[9], [4, 9], [4, 3, 9], [4, 2, 3, 9]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาหาตัวน้อย เช่น x0 = [7, 9, 8, 2] จะได้ x1 = [min(7+9), min(9+8), min(8+2)] = [7, 8, 2] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาหาตัวน้อย ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [min(7+8), min(8+2)] = [7, 2] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาหาตัวน้อย ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [min(7+2)] = [2] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([7, 9, 8, 2]) ได้ [[7, 9, 8, 2], [7, 8, 2], [7, 2], [2]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็ม - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มาหาตัวน้อย เช่น x0 = [7, 9, 8, 2] จะได้ x1 = [min(7+9), min(9+8), min(8+2)] = [7, 8, 2] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มาหาตัวน้อย ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = [min(7+8), min(8+2)] = [7, 2] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มาหาตัวน้อย ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = [min(7+2)] = [2] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f([7, 9, 8, 2]) ได้ [[2], [7, 2], [7, 8, 2], [7, 9, 8, 2]] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของสตริง - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มา "รวม" กัน นิยามการ "รวม" สตริงสองตัวที่ติดกันในลิสต์คือ การนำ ตัวอักษรแรกของตัวซ้าย มาต่อกับ ตัวอักษรสุดท้ายของตัวขวา เช่น x0 = ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'] จะได้ x1 = ['A'+'b', 'B'+'c', 'C'+'d'] = ['Ab', 'Bc', 'Cd'] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = ['A'+'c', 'B'+'d'] = ['Ac', 'Bd'] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = ['A'+'d'] = ['Ad'] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f(['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']) ได้ [['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'], ['Ab', 'Bc', 'Cd'], ['Ac', 'Bd'], ['Ad']] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของสตริง - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มา "รวม" กัน นิยามการ "รวม" สตริงสองตัวที่ติดกันในลิสต์คือ การนำ ตัวอักษรแรกของตัวซ้าย มาต่อกับ ตัวอักษรสุดท้ายของตัวขวา เช่น x0 = ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'] จะได้ x1 = ['A'+'b', 'B'+'c', 'C'+'d'] = ['Ab', 'Bc', 'Cd'] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = ['A'+'c', 'B'+'d'] = ['Ac', 'Bd'] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = ['A'+'d'] = ['Ad'] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f(['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']) ได้ [['Ad'], ['Ac', 'Bd'], ['Ab', 'Bc', 'Cd'], ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของสตริง - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มา "รวม" กัน นิยามการ "รวม" สตริงสองตัวที่ติดกันในลิสต์คือ การนำ ตัวอักษรสุดท้ายของตัวซ้าย มาต่อกับ ตัวอักษรแรกของตัวขวา เช่น x0 = ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'] จะได้ x1 = ['a'+'B', 'b'+'C', 'c'+'D'] = ['aB', 'bC', 'cD'] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = ['B'+'b', 'C'+'c'] = ['Bb', 'Cc'] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = ['b'+'C'] = ['bC'] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [x0, x1, x2, ..., xk] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f(['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']) ได้ [['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'], ['aB', 'bC', 'cD'], ['Bb', 'Cc'], ['bC']] กำหนดให้ x0 เป็นลิสต์ของสตริง - ให้ x1 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x0 มา "รวม" กัน นิยามการ "รวม" สตริงสองตัวที่ติดกันในลิสต์คือ การนำ ตัวอักษรสุดท้ายของตัวซ้าย มาต่อกับ ตัวอักษรแรกของตัวขวา เช่น x0 = ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd'] จะได้ x1 = ['a'+'B', 'b'+'C', 'c'+'D'] = ['aB', 'bC', 'cD'] - ให้ x2 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x1 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x2 = ['B'+'b', 'C'+'c'] = ['Bb', 'Cc'] - ให้ x3 คือลิสต์ที่ได้จากการนำสองตัวติดกันใน x2 มา "รวม" กัน ต่อจากตัวอย่างที่แล้ว ได้ x3 = ['b'+'C'] = ['bC'] - แล้วก็ไม่สามารถหา x4 ได้แล้ว เพราะ x3 มีตัวเดียว จงเขียนฟังก์ชัน f(x0) ที่ - รับ x0 เป็นลิสต์ของจำนวนเต็มมีข้อมูลอย่างน้อย 1 ตัว - คืนลิสต์ซ้อนลิสต์ [xk, ..., x2, x1, x0] โดยที่ x1, x2, ... เป็นลิสต์ที่หาได้ด้วยวิธีข้างต้น xk คือลิสต์ที่เหลือแค่ตัวเดียว เช่น f(['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']) ได้ [['bC'], ['Bb', 'Cc'], ['aB', 'bC', 'cD'], ['Aa', 'Bb', 'Cc', 'Dd']]