บทที่สาม มองโลกให้ถูกต้องตามหลักธรรม
โลกกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ยุคมิคสัญญี
ไม่นานมานี้ได้คุยกับสมณะชาวอโศกรูปหนึ่ง
ท่านเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันตั้งแต่อยู่ธรรมศาสตร์
จบแล้วก็ไปบวชอยู่ที่สันติอโศกมานานจนถึงบัดนี้ ได้คุยกับท่านถึงปัญหาของโลก
และแสดงความเห็นว่านี่เป็นธรรมดาของโลก จะไม่มีอะไรดีขึ้น พระท่านแย้งว่า
อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป
เพราะสังคมของชาวอโศกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งดีงามและความหวัง
การมองโลกให้ถูกต้องตามหลักธรรมหรือธรรมชาตินี้เป็นเรื่องของปัญญา
และต่างจากการพยายามมองโลกในแง่ดี Optimism เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน
การพูดว่าโลกจะไม่มีอะไรดีขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการมองโลกในแง่ร้าย pessimists ดังที่ฝรั่งชอบวิจารณ์ชาวพุทธเมื่อพูดว่า
ชีวิตเป็นทุกข์ life is suffering แต่เป็นการพูดตามพระพุทธเจ้า
ท่านตรัสเองว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ก็เพียง ๕๐๐๐ ปีเท่านั้น ท่านยังได้ตรัสถึงยุคต่าง
ๆ ที่เป็นขั้นตอนก่อนจะหมดยุคของพระพุทธศาสนา นั่นคือ ค่อนกึ่งพุทธกาลจะเป็นกลียุค
ซึ่งก็คือยุคที่เรากำลังอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นยุคที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา
ยุคที่คนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวและเห็นดอกบัวเป็นกงจักร ซึ่งเป็นจริงทุกอย่าง
ปลายพุทธกาลก็จะเป็นยุคมิคสัญญี เด็กหญิง ๕ ขวบจะตั้งครรภ์
คนจะฆ่ากันตายเพราะความเข้าใจผิดว่าแต่ละคนเป็นเนื้อเป็นสัตว์
ที่จริงอยากคิดว่า
ยุคมิคสัญญีมาเร็วกว่าที่คิด สงครามที่เกิดขึ้นตามมุมต่าง ๆ
ทั่วโลกขณะนี้เปรียบเหมือนรุ่งอรุณของยุคมิคสัญญีแล้ว คนสามารถฆ่ากันตายได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
อย่างเรื่องการจี้เครื่องบินพุ่งใส่ตึก World Trade Centre จนทำให้คนตายนับพันในช่วงเวลาเพียงพริบตาเท่านั้น
และเด็กหญิงตั้งครรภ์เร็วขึ้นทุกทีดังที่ได้พูดไว้ในหนังสือคู่มือชีวิตแล้ว
จิตใจของคนหยาบคายและบิดเบือนมากอย่างน่าใจหาย อย่างเช่นเมื่อเร็ว ๆ นี้
มีชายชาวเยอรมันคนหนึ่งทำงานคอมพิวเตอร์
ได้ลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ทเพื่อหาคนที่ยอมอาสามาให้ตนแล่เนื้อกิน
ปรากฎว่ามีคนตอบรับมาหลายราย จนในที่สุด ได้อาสาสมัครซึ่งเป็นชายคนหนึ่ง
ทั้งสองคนได้พบกันและขั้นตอนการแล่เนื้อกินก็เกิดขึ้น โดยเหยื่อยอมให้ผู้กินเนื้อมนุษย์แล่อวัยวะเพศออกมาก่อน
โดยเอามาทำเป็นอาหารกินพร้อมมันฝรั่งและลูกคะน้า หลังจากนั้น
ชายผู้ต้องการถูกกินก็ไปแช่ในอ่างน้ำ เลือดไหลออกมากจนหมดสติและตายไปในที่สุด
ชายผู้กินเนื้อมนุษย์จึงตัดเนื้อของคนตายออกมาเป็นชิ้น ๆ
นำไปแช่แข็งเพื่อทำอาหารในมื้อต่อ ๆ ไป ตอนแรกกฎหมายเล่นงานชายกินเนื้อมนุษย์นี้ไม่ได้
เพราะอีกฝ่ายยินยอม แต่ในที่สุด ชายกินเนื้อมนุษย์นี้ก็ได้ถูกลงโทษจำคุก ๘ ปี
เรื่องเช่นนี้ฟังดูแล้วเหมือนหนังเขย่าขวัญมากกว่าเป็นเรื่องจริง
แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง ๆ ละก็ แสดงให้เห็นถึงความเจ็บป่วยทางจิตใจของคนอย่างน่ากลัว
เพราะนี่เป็นเรื่องฝืนสัญชาติญาณที่รักชีวิตตนเองอย่างรุนแรง
เป็นการแสดงออกถึงความบิดเบือนของจิตใจอย่างน่าใจหาย
ที่จริงเรื่องความเจ็บป่วยทางใจเช่นนี้ เกิดอยู่เสมอ
ทหารนาซีเยอรมันสามารถฆ่าชาวยิวนับล้านอย่างเป็นระบบ หรือชาวเขมรฆ่าชาวเขมรกันเองอีกเป็นล้านเช่นนี้
ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเจ็บป่วยทางจิตใจของคนอย่างรุนแรง
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณของยุคมิคสัญญีทั้งสิ้น
ข่าววันนี้รายงานว่า
นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียได้ค้นพบวิธีการทำลูกโดยไม่ต้องใช้เชื้ออสุจิของเพศชาย
เพียงใช้เซลที่มีโครโมโซมของชายและหญิงอยู่แล้ว และเอาไปทำบางสิ่งบางอย่างกับไข่
คนข่าวรีบไปสัมภาษณ์คู่เลสเบียนซึ่งแสดงความดีใจอย่างเหลือล้นว่า
ในอนาคตตนสามารถมีลูกได้แล้วโดยไม่ต้องพึ่งเพศชาย
คนที่ยังมืดบอดต่ออมตธรรมจะตื่นเต้นต่อการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้
และเห็นว่าเป็นความก้าวหน้า แต่เรากลับเห็นเป็นทางตรงข้าม
โลกกำลังเดินไปสู่ความวิบัติ
และมนุษย์เองที่สร้างความวิบัติให้ตนเองอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว
เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ยุคปลายพุทธกาล
เหตุการณ์ทำลายล้างพระพุทธศาสนาในเมืองไทยเราเป็นตัวชี้ถึงความเสื่อมโทรมของพระพุทธศาสนาตามคำทำนายของพระพุทธเจ้า
ฉะนั้น คนมีปัญญาในทางธรรมแล้ว
จะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในเมืองไทยตลอดจนเหตุการณ์เลวร้ายทั่วโลกว่า
นี่เป็นเพียงขั้นตอนที่โลกกำลังเตรียมตัวไปสู่การทำลายล้างตนเองอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น
ไม่มีอะไรแปลกใหม่
คนในสังคมโลกจะยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง กลัวความไม่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กลัวสงครามจะเกิด กลัวจะพลัดพรากจากคนรัก กลัวความลำบากที่สงครามจะนำมาถึงตัว
กลัวสารพัดอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยอยู่อย่างสุขสบายในท่ามกลางวัตถุกามอย่างสังคมอเมริกันและยุโรป
คนเหล่านี้จะยิ่งกลัวมากกว่าคนที่อยู่ในประเทศยากจนซึ่งใช้ชีวิตลำบากอยู่แล้ว
ถ้าคนสามารถเห็นภาพใหญ่ของชีวิตแล้ว
ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง ความกลัวเหล่านี้เป็นความรู้สึกธรรมดาของสังสารวัฏ
เป็นความรู้สึกที่ถูกต้องแล้ว เพราะสังสารวัฏคือคุกขนาดใหญ่ที่สุดของชีวิตนี่เอง
คนอยู่ในคุกจะรู้สึกสุขไม่ได้ คนอยู่ในสังสารวัฏจะให้รู้สึกดีและปลอดภัยอย่างแท้จริงนั้นไม่ได้
ฉะนั้น
ใครที่ยังมีความอยากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่สวย ๆ หล่อ ๆ รวย ๆ สูงศักดิ์อีกนั้น
แสดงว่ายังไม่เข้าใจความเลวร้ายของสังสารวัฏเลย ยังโง่อยู่มาก
คนที่มีปัญญาและพอมีบารมีอยู่บ้างจะต้องไม่งอมืองอเท้าและปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม
ต้องมองให้ออกว่านี่เป็นเพียงมุมเล็ก ๆ
ของถนนวงแหวนแห่งสังสารวัฏอันยิ่งใหญ่เท่านั้น หากสามารถคิดออกว่าโลกขณะนี้
มันยุ่งและทุกข์เท่านี้แล้ว การวนไปเวียนมา เกิดแล้วเกิดอีกอยู่เล่า ๆ
ในคุกอันมหึมาของสังสารวัฏนี้ มันจะทุกข์มากกว่านี้สักแค่ไหน จะขยาดกลัวขนลุกขนพองต่อสังสารวัฏ
จะไม่ขอเอาอะไรอีกทั้งสิ้น นอกจากพระนิพพานเท่านั้น
จะได้ไม่ต้องมาวนเวียนใช้กรรมอยู่อีก
และใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสทองที่จะกระตุกให้ตนเองเร่งประพฤติธรรมเพื่อออกจากสังสารวัฏนี้ให้ได้
หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องปฏิบัติจนเข้าสู่กระแสพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้เพื่อรับประกันการหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงในอนาคต
ใครที่สามารถคิดเช่นนี้ได้ต้องนับว่ามีบารมีอย่างสูงส่ง น่าอนุโมทนายิ่งนัก
ฉะนั้น
การพูดว่าโลกจะไม่มีอะไรดีขึ้นนั้น ไม่ใช่เป็นการมองโลกในแง่ร้ายแต่อย่างใด
เป็นการพูดไปตามความจริงแห่งธรรมหรือธรรมชาติซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ปัญญามอง
จึงจะเห็น และเราก็ไม่ได้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พยายามทำสิ่งดี
ๆ ให้แก่โลก เพราะความเข้าใจธรรมชาติของโลกนี่แหละ
เราจึงสามารถนำเอาส่วนดีที่สุดของมันออกมา นั่นคือ ใช้เวลาอันคับขันที่เหลืออยู่นี้พยายามช่วยเหลือคนกลุ่มหนึ่งที่มีบารมีให้ออกจากสังสารวัฏให้ได้
ตรงนี้คือการมองโลกในแง่ดีที่สุดของเรา
ชาวอโศกต้องไม่หลงทิศ
ที่จริง
ผลงานของชาวอโศกก็อยู่ในจุดนี้เช่นกัน คือ ในขณะที่โลกกำลังคับขันอยู่นี้
ก็พยายามสร้างสังคมดี ๆ ที่ให้ความหวังและอนาคตอันเป็นสุขแก่คนได้มากมาย
ซึ่งส่วนนี้ เราไม่สงสัยเลยว่าชาวอโศกได้ประสบความสำเร็จสูงมากทีเดียว
แต่แม้จะประสบความสำเร็จสูงอย่างไร ชาวอโศกต้องไม่หลงทิศ
ทิศทางของความเป็นมนุษย์ต้องไปสุดที่พระนิพพานเท่านั้น
ไม่ได้ไปสุดที่ความมีศีลอย่างเต็มเปี่ยมตามอุดมคติของชาวอโศก
วิถีชีวิตของชาวอโศกเป็นคำตอบที่ดีให้แก่ชาวโลกว่า
คนเราอยู่ได้อย่างเป็นสุขและเต็มเปี่ยมโดยใช้ทรัพยากรของโลกให้น้อยที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบเศรษฐศาสตร์เรื่องบุญนิยมของชาวอโศกนั้นเป็นเรื่องใหม่ที่ท้าทายกิเลสของมนุษย์ได้ดียิ่ง
เป็นเรื่องที่ควรพูดถึงอย่างกว้างขวางและควรนำมาปฏิบัติอย่างยิ่ง
แต่ในที่สุด
วิถีชีวิตของชาวอโศกก็เป็นเรื่องการเตรียมตัวคนหมู่มากให้เข้าสู่กระแสแห่งธรรมเท่านั้น นี่เป็นเนื้อหาของตัวอย่างที่ดีของเรื่องวัฒนธรรมสติปัฏฐานที่เราได้พูดถึงในเรื่องใบไม้กำมือเดียว
จุดสุดยอดหรือความเต็มเปี่ยมในเรื่องวัฒนธรรมสติปัฏฐานก็คือวิถีชีวิตของชาวอโศกนี่เอง
เป็นเรื่องการเตรียมตัวผู้คนในสังคมให้เข้าร่องแห่งธรรมโดยมีเรื่องของศีล สมาธิ
และปัญญาอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันพร้อมซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่กำลังจะสูญหายจากสังคมไทย
ฉะนั้น วิถีชีวิตของชาวอโศกจึงเป็นสิ่งที่นักการศึกษาไทยควรต้องศึกษาให้ดี
และพยายามเปิดเผยสู่คนหมู่มากเพื่อการเลียนแบบ
ส่วนเรื่องการเดินทางเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตอย่างแท้จริงนั้น
เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่แม้เข้าสู่ร่องแห่งธรรมแล้วก็ยังต้องมุ่งเดินต่อไป
และต้องมีการเตรียมตัวในอีกวิธีหนึ่ง ฉะนั้น ในส่วนของชาวอโศกจะต้องไม่คิดว่า
วิถีชีวิตแบบชาวอโศกเป็นเป้าหมายสูงสุดและเป็นทางเดียวที่จะเข้าถึงธรรม
มันก็ไม่ใช่เช่นนั้น
คนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบชาวอโศกก็สามารถเข้าถึงธรรมอันสูงสุดได้เช่นกัน นักการศาสนาในเมืองไทยจะต้องพยายามแยกให้ออก
และไม่นำมาเป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันให้เสียเวลา สิ่งที่สำคัญคือ ต้องไม่หลงทิศ
หรือ หลงเป้าหมาย พูดง่าย ๆ
ว่าวิถีชีวิตของชาวอโศกน่าจะช่วยให้คนเข้าถึงนิพพานได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าหากเน้นแต่เรื่องการทำงานใช้แรงกายโดยไม่ได้เน้นเรื่องการกำจัดตัวตนที่ละเอียดแล้วไซร้
วิถีชีวิตแบบชาวอโศกก็อาจจะเป็นตัวถ่วงให้เข้าถึงนิพพานได้เช่นกัน
เพราะมัวแต่ไปหลงคิดว่าตนเองทำดีที่สุดแล้ว
มองไปสังคมรอบข้างก็เห็นแต่คนอื่นที่ยังไม่ดีเท่าตัว
ซึ่งเป็นความคิดที่จะพลัดตกเข้าไปได้ง่ายมาก นี่เป็นบาปสีขาว white sin ที่ต้องมองให้ออกและสลัดให้หลุด
สลัดไม่หลุดแล้ว จะติดอยู่ตรงนั้นอีกนาน กีดขวางทางไปนิพพาน
จะฟังพระหรือฆราวาสต้องตัดสินเอง
สถาบันสงฆ์นั้นจะต้องล้มละลายไปในที่สุดอย่างแน่นอนด้วยการกระทำของพระสงฆ์กันเอง
กาฝากที่มาเกาะกินความร่ำรวยของสถาบันนี้มีมากเกินกว่าจะแก้ไขได้ หมายความว่า ในอนาคต
ชายที่มุ่งมั่นจะไปนิพพานนั้นอาจจะพึ่งพาสถาบันสงฆ์ไม่ได้อีกต่อไป
และไม่ได้หมายความว่า พระเท่านั้นที่จะรู้ธรรมะจริง
เพราะสภาพสังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว นี่คือความเป็นอนิจจังของทุกอย่าง
ฉะนั้น ในยุคสมัยนี้
สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ ฆราวาสที่มีจิตมุ่งมั่นเพื่อการดับทุกข์นั้น
ต้องพยายามใช้สถานะแห่งความเป็นฆราวาสให้เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติธรรมให้มากที่สุด
ในแง่ทำมาหากินแล้ว ฆราวาสย่อมเป็นสถานะที่ปฏิบัติธรรมได้ยากกว่าพระแน่นอน
แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้
นี่เป็นเหตุผลใหญ่ที่เราจำเป็นต้องพูดในสิ่งที่ต้องพูด เพราะข้อแนะนำของเราจะมีประโยชน์โดยตรงต่อฆราวาสที่มุ่งพระนิพพาน
แต่คนไทยเราต้องพาตัวเองออกจากค่านิยมที่ชอบคิดว่า พระสงฆ์เท่านั้นที่รู้จริง
ฆราวาสที่เป็นหญิงและยังใช้ชีวิตคู่อยู่จะไปรู้อะไร พระสงฆ์ที่รู้จริงต้องมีแน่นอน
ไม่เถียง แต่ที่รู้ไม่จริงก็มีไม่น้อย
ที่สำคัญกว่านั้นคือ
ฆราวาสที่บรรลุธรรมในเมือง
ในรูปแบบชีวิตที่จำเจอยู่กับการทำมาหากินเลี้ยงลูกและเผชิญปัญหาของชีวิตทั่วไปนี่แหละ
น่าจะเป็นกระจกส่องธรรมให้แก่ผู้ที่อยู่ในสถานะเดียวกันได้ดีกว่าพระที่มีวิถีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง
เพราะความทุกข์ที่ต้องการดับนั้นมันจะอยู่ที่ไหนเล่า
ถ้าไม่ใช่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่จำเจนี้ ความทุกข์อยู่ที่ไหน
ก็ต้องดับความทุกข์ตรงนั้น
นี่จึงเป็นเรื่องของคนอ่านที่ต้องใช้ปัญญาไปตัดสินเอาเองอย่างระมัดระวัง
คนอื่นตัดสินให้ไม่ได้