บทที่สิบห้า
ต้องฟังผู้รู้
ในขณะที่อารยธรรม (หายนธรรม) ของมนุษย์นั้นอยู่ในลักษณะของงูกินหาง
จะทำอย่างไรจึงจะแหวกวงกลมอันชั่วร้ายออกมาได้
คำตอบคือจะต้องเกิดจากผู้รู้บอกทางออกให้ ไม่มีทางอื่นนอกเหนือจากนั้น คำว่า ผู้รู้ knower นั้นเป็นคำที่ฟังแปลกหูต่อคนตะวันตก
เป็นคำที่ไม่อยู่ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษและเป็นคำที่ฝรั่งไม่ใช้
แต่ดิฉันเอามาใช้พูดกับนักศึกษาบ่อย
ทั้งพูดทั้งเขียนโดยไม่แคร์ว่าฝรั่งจะตำหนิว่าใช้ภาษาเขาไม่เป็น
ดิฉันกลับคิดว่ากำลังสร้างศัพท์ใหม่ที่มีประโยชน์ให้ฝรั่งมากกว่า
ที่จริงเป็นคำที่ย่อสั้นจากคำว่าผู้รู้แจ้งเห็นจริง the enlightened
one นั่นเอง สำหรับชาวพุทธแล้ว
เราจะชินหูกับคำว่าผู้รู้ในฐานะผู้รู้แจ้งเป็นอย่างมาก
ซึ่งต้องเป็นเพราะสังคมไทยเรามีผู้รู้แจ้งเห็นจริงมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์จนกระทั่งภูมิปัญญาแห่งการหลุดพ้นได้มาถึงยุคเราในปัจจุบันนี้ การเกิดมาของผู้รู้ทั้งหลาย พระพุทธ
พระคริสต์ และศาสดาองค์อื่น ๆ นั้น เพื่อมาบอกทางให้คนเราหลุดออกมาจากกงล้อแห่งความหายนะ vicious circle ซึ่งที่จริงก็คือเรื่องสังสารวัฏนั่นเอง
ความวุ่นวายสับสนของมนุษย์ในสังคมโลกปัจจุบันนี้ที่จริงแล้วเป็นเสี้ยวเล็กๆ อันเป็นส่วนน้อยนิดหนึ่งของสังสารวัฏที่กว้างใหญ่และยาวนานและที่ตัดตอนออกมาเท่านั้นเอง แต่ถึงแม้จะเป็นเสี้ยวเล็กสักแค่ไหนเมื่อเทียบกับวัฏฏะสงสารอันยิ่งใหญ่
มันก็ยังใหญ่เกินไปสำหรับภูมิปัญญาอันตีบตันของมนุษย์ผู้ยังชุ่มไปด้วยกิเลสตัณหาจะเห็นได้
คนส่วนมากถึงแม้จะจมอยู่ในกองคูถที่สกปรกโสมมและแบกหามความทุกข์อยู่อย่างเลือดตาแทบกระเด็น
แต่เขาก็มองไม่ออกว่านี่คือความทุกข์ของสังสารวัฏ ไม่มีความกลัวหรือเอือมระอา
ยังคงยินดีที่จะเกิดอยู่ร่ำไป ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไปโทษคนก็ไม่ได้
จะต้องโทษที่ความไม่รู้หรืออวิชชา ฉะนั้น การรับฟังผู้รู้จริงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางออกจากสังสารวัฎอันน่ากลัวและยาวนานนี้
โดยหลักการที่ถูกต้องแล้ว
สถาบันศาสนาควรจะเป็นผู้นำที่ให้ความรู้ทางจิตวิญญานและเป้าหมายชีวิตที่แท้จริงแก่มนุษย์
นั่นคือเจ้าหน้าที่ทางศาสนาจะต้องเป็นที่ปรึกษาของนักการเมืองในการบริหารประเทศเพื่อรัฐบาลจะสามารถใช้องค์กรต่างๆ ที่มีอยู่เช่นการศึกษา
เศรษฐกิจ ศาลสถิตยุติธรรม การรักษาพยาบาล องค์กรจัดการสังคม องค์กรสื่อสารมวลชน
แม้กระทั่งองค์กรที่สร้างความบันเทิง องค์กรต่าง ๆ
เหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยเหลือประชาชนของชาติให้เข้าใจสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต
ทุกองค์กรและองค์การจะต้องทำงานประสานกันอย่างแนบแน่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดนั้น
ที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น องค์กรเหล่านี้จะทำขัดกันและสร้างปัญหาให้แก่กันเองอย่างไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะผู้นำประเทศไม่รู้เรื่องเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต
จึงไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น หากต้องการสันติภาพให้เกิดแก่โลกแล้วไซร้
ทุกประเทศจะต้องไม่ผลิตอาวุธเพื่อเข่นฆ่ากัน สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกกลับตรงกันข้ามกับหลักการที่ถูกต้อง
นางมากาแรต แทชเชอร์ ครั้งหนึ่งเคยพูดว่า
การมีอาวุธในครอบครองเป็นเครื่องปกป้องไม่ให้เกิดสงคราม Having arms is a
war deterrent.
ซึ่งเป็นการคิดแบบคนบ้าคิด สิ่งที่น่าใจหายคือ
ผู้นำของประเทศมหาอำนาจในโลกที่คิดแบบคนเสียสติเช่นนี้มีไม่น้อย
โลกจึงเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ รบราฆ่าฟันกันอย่างไม่จบไม่สิ้น
แม้ประเทศอินเดียและปากีสถานที่ไม่สามารถแม้กระทั่งเลี้ยงปากท้องของตนเองยังอดไม่ได้ที่จะสะสมอาวุธนิวเคลีย์ สถิติล่าสุดได้ถูกบันทึกไว้ว่า ในปีหนึ่ง
ๆ นั้นชาวโลกได้ใช้เงินเป็นจำนวน ๘๐๐ ล้าน ล้าน เหรียญสหรัฐ 800
billions US dollars เพื่อสร้างอาวุธชนิดต่าง
ๆ ในครอบครอง เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้องของชาวโลกทุกคนให้อิ่มได้
แต่นานเท่าไรนั้น สถิติไม่ได้บอก
เมื่อครั้งที่ดิฉันทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ให้กับองค์การสหประชาชาติในค่ายอพยพเขมรที่บ้านแก้ง
สระแก้วในปี ๑๙๗๙ นั้น
ดิฉันก็เกิดความรู้สึกสับสนมากที่เห็นทีมงานจากองค์การการกุศลต่าง ๆ
ซึ่งทุ่มเทช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากเขมรซึ่งจำนวนไม่น้อยเหมือนโครงกระดูกเคลื่อนที่
ตอนที่ดิฉันเริ่มทำนั้นก็เป็นตอนที่ค่ายอพยพนี้เพิ่งเปิดใหม่
สภาพแวดล้อมทุรักทุเลมาก ดิฉันเองก็ต้องทำงานจนสุขภาพสู้ไม่ไหวเพราะติดเชื้อจากผู้ลี้ภัยจนจับไข้สูงต้องเข้าโรงพยายาล
ถึงแม้ดิฉันพอใจที่ได้ช่วยเหลือคนเหล่านี้ในตอนต้น อีก ๘ เดือนต่อมา
ดิฉันมาทราบข้อเท็จจริงว่า เขมรแดงถูกส่งออกจากค่ายอพยพเพื่อไปสู้รบในเขมรอีก
ดิฉันจึงถามคำถามที่ตอบไม่ได้ว่า ทำไม และ เพื่ออะไร
ดิฉันเห็นแต่ความไร้เหตุผลในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
คนมากมายที่อุตสาห์เสียสละพลังกายเพื่อช่วยให้คนเหล่านี้ฟื้นตัวขึ้นมาได้รวมทั้งเงินทองมากมายที่ใช้ไปเพื่อให้เขาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งเหล่านี้เพื่อที่ว่าเขาจะได้ออกไปเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอีก
และบาดเจ็บกลับมาเพื่อให้คนช่วยรักษาอีกเช่นนั้นหรือ
ดิฉันแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความสับสนในหัวใจอย่างเต็มที่
ทั้งโกรธและเกลียดการเมืองที่สกปรกและดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งสิ้นนอกจากเป็นเครื่องมือท้ายแถวให้กับคนเหล่านั้น นั่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตดิฉัน แรงเหวี่ยงของกรรมทำให้ดิฉันต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษจนถึงบัดนี้
อย่างไรก็ตาม มาบัดนี้ดิฉันได้คำตอบแล้ว
ความสับสนไม่มีอีกต่อไป และสามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่า
ผู้นำของโลกส่วนมากเป็นบ้ากันนั่นเอง จึงทำให้สังคมโลกปั่นป่วนมากเช่นนี้
แต่ละองค์กรของรัฐซึ่งควรจะเป็นแขนขาที่ทำงานอย่างประสานกันนั้นกลับขัดกันเอง เช่น
เมื่อรู้ว่าเหล้าบุหรี่นั้นไม่ดีต่อสุขภาพก็หยุดผลิตมันเลยไม่ดีกว่าหรือ
จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินมากมายเพื่อการรักษาพยาบาล สุขภาพคนก็ดีขึ้น
ปัญหาสังคมไม่เกิด ดิฉันทราบมาว่าที่ประประเทศภูฐานนั้น
ชาวบ้านไม่ปลูกต้นยาสูบเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม
นี่คือความแตกต่างระหว่างการมีผู้รู้รับผิดชอบต่อประเทศกับการไม่มี
ถ้าไม่มีแล้วสังคมจะปั่นป่วนมาก
องค์กรที่จะเป็นแขนขาที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นองค์กรการศึกษา
การศึกษาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นการเน้นให้คนอ่านออกเขียนได้เพื่อเตรียมตัวให้เยาชนออกมาหางานทำ
ด้วยความคิดว่าเมื่อมีงาน มีรายได้ คนก็จะมีความสุขเอง
และความสุขนั้นก็เป็นผลของการสามารถตอบสนองกิเลสได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก
นี่เป็นปรัชญาการศึกษาที่ตามก้นฝรั่ง การศึกษาที่แท้จริงนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานของศีล
สมาธิ ปัญญา อันเป็นองค์มรรคที่จะพาคนให้ถึงวิมุตติสุขอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นสุขเพราะการสามารถเอาชนะกิเลสได้
การฝึกฝนจิตด้วยวิธีสมาธินั้นจะต้องเริ่มจากชั้นประถมเป็นต้นไปจนถึงระดับอุดมศึกษา
การวางหลักสูตรการศึกษาที่ตั้งอยู่บนองค์มรรคนี้ อาจจะหมายความว่า
ชาวพุทธจะต้องไม่คิดตามฝรั่ง
และกล้าปฏิเสธระบบการศึกษาแบบตะวันตกที่ทำให้คนคิดอย่างกระเจิดกระเจิง
ไร้เป้าหมายของชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งมิใช่เป็นเรื่องง่าย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว
ระบบเศรษฐกิจนั้น จะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการจัดการและใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดนี้อย่างประหยัดและมีคุณภาพมากที่สุด
และจะไม่เผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติแบบทำลายล้างเพื่อบำรุงบำเรอกิเลสดังที่ทำกันอยู่ในขณะนี้
จะต้องไม่สนับสนุนระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาที่ทำให้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
แต่ต้องช่วยขจัดความตระหนี่ถี่เหนียวและความเห็นแก่ตัวของคน
ดิฉันเห็นว่าท่านโพธิรักษ์ได้สร้างระบบเศรษฐกิจอุดมคตินี้ให้แก่ชาวอโศกมานานแล้ว
เป็นสิ่งที่นักการเศรษฐกิจ
ไทยควรเรียนรู้เป็นอย่างมาก
การสร้างภาพยนต์หรือละครนั้นจะต้องอยู่บนรากฐานที่จะเสริมปัญญาและส่งเสริมให้คนรักษาศีล
มิใช่ยิ่งไปเน้นให้กิเลสของคนเบ่งบาน
วงการบันเทิงที่เป็นอยู่ในโลกขณะนี้เป็นเรื่องการสร้างภาพลวง illusion โดยที่ตัวละครออกมาเล่นไปตามบทบาทที่ถูกกำหนด
หากใครแสดงได้สมบทบาทจนเหมือนกับความเป็นจริง ก็หมายความว่า
เป็นการประสบความสำเร็จของการแสดง วิทยาการอันทันสมัยสามารถทำให้การสร้างภาพยนต์ในปัจจุบันนี้เป็นไปได้อย่างสมจริงสมจังมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ยิ่งดูสมจริงมากเท่าไร ปัญหาของมนุษย์ก็ยิ่งมัดตัวแน่นขึ้น
เป็นการสร้างความมืดซ้อนความมืดที่เป็นต้นทุนอยู่แล้ว เหมือนกับอยู่ในห้องมืดแล้ว
ยังรู้สึกมืดไม่พอ ต้องใส่แว่นตาดำให้มันมืดมากเข้าไปอีก
หรือเป็นการสร้างภาพลวงที่ซ้อนภาพลวง
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมอันเกี่ยวเนื่องกับวงการบันเทิงในปัจจุบันนี้
เหตุผลในทางธรรมคือ
ปุถุชนคนธรรมดาสามัญมักจะคิดว่าโลกที่เขาอยู่นั้นคือโลกแห่งความเป็นจริง ฉะนั้น
การดูละครหรือภาพยนต์เป็นภาพลวงที่ไม่จริง สิ่งที่คนไม่รู้คือ
โลกแห่งความเป็นจริงที่คนส่วนมากคิดว่าจริงนั้น
สำหรับผู้รู้แล้วมันก็ไม่จริงอย่างที่คนคิด ของจริงแท้ ๆ
ดั้งเดิมนั้นมีอยู่สิ่งเดียวคือ นิพพานธาตุอันเป็นสิ่งเดียวกับสัจธรรมอันสูงสุด
คือโลกที่ว่างจากการสมมุติเรียกชื่อต่าง ๆ เมื่อคนส่วนมากไม่เห็นธรรม
จึงไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในโลกแห่งกลลวงของชื่อและคุณค่าที่ได้สมมุติกันขึ้นมาและก่อให้เกิดความรู้สึกในเรื่องได้เรื่องเสียอย่างรุนแรงโดยทั่วหน้ากัน
โลกแห่งสมมุติหรือโลกลวงนั้นจึงกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงของคนหมู่มากที่ยังไม่เห็นธรรม
ฉะนั้น สำหรับผู้รู้แล้ว การดูละคะหรือหนังนั้น เป็นการดูภาพลวงสองชั้น
ในขณะที่ปุถุชนธรรมดาจะคิดว่าเขาดูภาพลวงเพียงชั้นเดียว ปัญหาคือว่า
แม้ภาพลวงชั้นเดียวนี่แหละ คนดูมากมายก็ยังดูไม่เป็น ยิ่งคนเล่นได้สมจริงมากเท่าไร
คนดูก็ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกของตนเตลิดไปกับตัวละครมากเท่านั้น
ถ้าเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และต้องมีคนสูญเสียความรักหรือคนรัก คนดูก็จะร้องห่มร้องไห้ตามตัวละครไป
ถ้าเป็นเรื่องตื่นเต้น คนดูก็ใจหายใจคว่ำตามเขาไปจนลืมไปว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง
เขากำลังแสดงบทบาทอยู่ ปัญหาเริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อคนต้องการสวมบทบาทของดารานักแสดงคนโปรดของเขา
ผู้หญิงก็อาจจะเอาอย่างในเรื่องการแต่งตัว และพยายามใช้ชีวิตแบบตัวละคร
ผู้ชายก็มักเอาเรื่องบู้ การต่อสู้
จนกระทั่งถึงการก่ออาชญากรรมที่เอาตัวอย่างจากภาพยนต์
ดิฉันเห็นว่าฮอลลีวู๊ดต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อปัญหาสังคมโลกไม่น้อยทีเดียว
เพราะสร้างภาพพจน์ของการใช้ความรุนแรงให้เห็นเป็นสิ่งที่เท่ห์
มีเสน่ห์และไม่เห็นมีอะไรผิดเพราะผู้ทำคือตัวพระเอก
ทำให้คนโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่ยังคิดไม่เป็นอยากเอาอย่าง
อาชญากรรมยุคใหม่ที่เกิดจากการกระทำของเด็กมีมากขึ้นโดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป
การเอาปืนขึ้นมายิงใครสักคนให้ตายเริ่มเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเพราะภาพยนต์นั่นเองที่ทำให้คนเห็นเป็นเช่นนั้น
ในทำนองเดียวกัน หากมีนักร้อง นักแสดงดัง ๆ ที่คนชอบมากต้องตายลง แฟน ๆ ทั้ง
หลายก็จะเศร้าโศรก เสียใจ ไม่กี่ปีก่อนเมื่อวงดนตรี Take That ต้องแยกทางกันเพราะทำงานร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป
บรรดาแฟน ๆ ของวงดนตรีนี้ร้องห่มร้องไห้เสียใจกันตาม ๆ
กันจนวัยรุ่นบางคนถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย
ทางรัฐต้องเปิดสายโทรศัพท์ให้วัยรุ่นโทรเข้ามาคุยเพื่อผ่อนคลายปัญหา counseling
นี่เป็นลักษณะของสังคมที่สร้างความมืดซ้อนความมืด
หรือทำคนที่บ้าอยุ่แล้วให้บ้ามากขึ้นไปอีก
ความซับซ้อนกำลังรัดตัวเองมากขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
การสร้างภาพลวงยิ่งมีความซับซ้อนหลายชั้นจนถึงขนาดใช้คำว่า virtual reality
นั่นคือ
ไปเรียกภาพลวงว่าเป็นเกือบเหมือนของจริง
เมื่อปราศจากภาพลวงที่วงการบันเทิงหยิบยื่นให้
คนธรรมดายังพอมีทางที่จะเห็นนิพพานธาตุได้บ้างหากได้พบกัลยาณมิตรและทำสมาธิเข้าหน่อย
แต่ความซับซ้อนที่เกิดขึ้นนี้จะยิ่งทำให้คนห่างไกลจากความเป็นจริงขั้นพื้นฐานหรือนิพพานธาตุมากขึ้นไปอีก
จนในที่
สุดอาจจะกู่ไม่กลับเอาเลย เด็ก ๆ
ที่ชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์จะฟังธรรมะโดยเฉพาะเรื่องอนัตตาไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
เพราะระบบการคิดของเขามันถูกบิดจนคลาดเคลื่อนมากไปเสียแล้ว
นี่เป็นสิ่งที่สังคมชาวพุทธต้องระวังมากและหาทางป้องกัน
ในครั้งพุทธกาล
มีนักแสดงคนหนึ่งไปถามพระพุทธเจ้าว่าเมื่อเขาตายไปแล้วจะไปเกิดในภาพภูมิใด พระพุทธเจ้าพยายามเดินหนีและไม่ตอบ
แต่คนถามก็รุก ในที่สุด พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบไปว่าเขาจะต้องไปเกิดในนรก
ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า คนเขาอยู่ดี ๆ
แต่นักแสดงไปเพิ่มอารมณ์ให้คนเตลิดไปโน่นนี่โดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม
ดิฉันเห็นว่า เราคงไม่สามารถเอาวงการบันเทิงออกไปจากสังคมได้ แต่อย่างน้อย
ก็น่าจะเป็นองค์กรที่ช่วยให้คนเข้าใจชีวิตได้มากขึ้นโดยการสร้างภาพยนต์ที่ช่วยเสริมสร้างปัญญา
และสร้างความเมตตากรุณาให้แก่คน
เรื่องราวในชาดกและชีวิตของคนมากมายในครั้งพุทธกาลนั้น
สามารถเอาออกมาสร้างเป็นหนังและถ่ายทอดคุณธรรมอันประเสริฐ์ให้แก่คนดูเพื่อสร้างความบันดาลใจให้ผู้คนหันมาทำความดี
ดิฉันยังจำได้เสมอถึงภาพยนต์เรื่องแรกและคงเป็นเรื่องเดียวที่ดิฉันได้ไปดูกับคุณแม่
ตอนนั้นดิฉันเล็กมาก อย่างมากที่สุดก็คง ๖ ขวบ
คุณแม่พาดิฉันไปโรงหนังแห่งหนึ่งแถวเยาราชซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก เพราะดิฉันอยู่ถนนเจริญกรุง
มันเป็นหนังจีน ขาวดำ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งพุทธกาล
ดิฉันเพิ่งมาทราบเอาตอนที่เริ่มศึกษาศาสนาพุทธว่าภาพยนต์จีนเรื่องนั้นเป็นตอนที่พระนางประชาบดีโคตมีต้องการออกบวช
และพยายามวิงวอนให้พระพุทธองค์อนุญาติให้นางได้บวช ถึงแม้ดิฉันจะจำเนื้อเรื่องไม่ได้มากแต่ดิฉันยังจำภาพของนักบวชหญิงที่นุ่งขาวห่มขาวเดินเรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดเพื่อไปเผ้าพระพุทธเจ้าได้แม่นยำ
ภาพยนต์เรื่องนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจแก่ดิฉันเป็นอย่างมาก
ทำให้ดิฉันรู้เสมอว่าพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของดิฉันได้แม้ตอนนั้นยังเด็กมากก็ตาม
จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมสติปัฏฐานเป็นอุดมคติที่ท้าทายจนน่าใจหายเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ยังเป็นคู่รักของกิเลสอยู่นั้นอาจจะหัวเราะเยาะ เพราะไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรสนุกที่ตรงไหน ถึงแม้ว่ามันจะไม่สนุกสนานเหมือนกับสังคมที่ปล่อยให้ผู้คนเปียกชุ่มอยู่กับกิเลสตัณหา แต่มันจะเป็นสังคมที่สามารถรับประกันได้ว่าสมาชิกของสังคมนั้นจะมีความทุกข์น้อยที่สุด เมื่อคนมีความสุข ความเมตตากรุณาจะตามมา และปัญหาสังคมจะลดลงเอง นี่คือเคล็ดลับของการปกครองประเทศ การนำวัฒนธรรมสติปัฏฐานกลับมาสู่สังคมได้นั้นจัดว่าเป็นโดมิโน่ตัวแรก เมื่อล้มโดมิโน่ตัวแรก (เมื่อคนเริ่มปฏิบัติธรรม) นี้ได้แล้ว ปัญหาอื่น ๆ จะพลอยล้มหายตายจากไปเอง เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง และมิใช่ที่ปลายเหตุอย่างที่ทำกันอยู่ในบัดนี้ ซึ่งจะแก้อย่างไรก็แก้ไม่ตก
นี่แหละคือสิ่งที่สังคมชาวพุทธในเอเซียได้ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต
ธิเบต ภูฐาน ไทย ลาว พม่า เขมร
แม้แต่อินโดเนเซียในอดีตก็ต้องเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว มิเช่นนั้น
จะไปเอาศรัทธาและพลังที่ไหนมาสร้างโบโรบูดัวร์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
คนไทยเราจึงยังมีวัฒนธรรมสติปัฏฐานที่ยังเหลือมาให้เห็นได้ในปัจจุบันนี้ ประเทศภูฐานก็เป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จสูงมาก
เพราะภูมิประเทศถูกปกป้องด้วยภูเขาล้อมรอบ
อารยธรรมตะวันตกไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายนัก
ประจวบกับพระสงฆ์ก็มีส่วนในการปกครองประเทศมาก
เขาจึงสามารถรักษาวัฒนธรรมอันดีงามที่สามารถทำให้คนมีความทุกข์น้อยที่สุดได้
ดิฉันไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะยังไม่เคยไปมาก่อน
ธิเบตก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่วัฒนธรรมสติปัฏฐานต้องมีอย่างเข้มข้นมาก
เพราะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ผู้นำรัฐบาลกับผู้นำศาสนาเป็นบุคคลคนเดียวกันคือ
ท่านดาไลลามะ
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือ ท่านดาไลลามะไม่สามารถที่จะอยู่ปกครองธิเบตและพัฒนาโอบอุ้มให้วัฒนธรรมสติปัฏฐานอยู่เป็นรูปแบบ
role model ของวัฒนธรรมของโลกได้
เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาและความบ้าอำนาจของรัฐบาลจีนจึงทำให้ท่านดาไลลามะต้องระเหเร่ร่อนออกจากธิเบตเป็นเวลากว่า
๔๐ ปีแล้ว นี่ต้องนับว่าเป็นความหายนะของโลกก็ว่าได้ เพราะวัฒนธรรมของธิเบตที่ประชากรชายกว่า
๘๐% ต้องผ่านการบวชมาแล้วนั้นมิใช่เป็นสิ่งที่จะหาได้ง่าย
ๆ ในโลกนี้ หากธิเบตถูกปล่อยให้ปกครองตนเองได้อย่างเสรีแล้ว
จะเป็นประเทศที่สามารถพัฒนาวัฒนธรรมสติปัฏฐานได้อย่างถึงที่สุดและเป็นสังคมที่สามารถรับประกันได้ว่าสมาชิกของเขาจะมีความทุกข์น้อยที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวโลกสามารถจะเรียนรู้ได้
การที่ท่านดาไลลามะต้องหนีออกมาเป็นผู้ลี้ภัยในอินเดียตอนเหนือด้วยระยะเวลาอันยาวนานเช่นนี้นั้น
ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกและไม่ประสานต่อของวัฒนธรรมธิเบต ปัญหาในขณะนี้คือ
วิถีชีวิตของชาวธิเขตผู้ลี้ภัยที่เมืองดามซาลา
ตอนเหนือของอินเดียกับวิถีชีวิตของชาวธิเบตในกำมือของทหารจีนนั้นเริ่มแตกต่างกันออกไป
ชาวธิเบตผู้ลี้ภัยซึ่งมาเกิดลูกหลานในต่างแดนเริ่มรู้จักรสชาดของลัทธิบริโคภนิยมและเริ่มพูดถึงการได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรากับญาติที่อเมริกาหรือยุโรป
ความฝันที่จะพยายามเอาธิเบตออกมาจากเงื้อมมือของรัฐบาลจีนเริ่มจืดจาง
ในขณะที่ชาวธิเบตผู้อยู่บ้านก็ยังรอคอยด้วยความหวังว่าเมื่อไหร่ผู้นำของเขาจึงจะกลับบ้านสักที
และการใช้ชีวิตโดยขาดผู้นำพร้อมกับที่รัฐบาลจีนก็พยายามทุกวิถีทางที่จะกลืนธิเบตนั้นย่อมเป็นความทุกข์ที่ชาวธิเบตต้องแบกรับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
การเมืองโลกเป็นเรื่องสกปรกเพราะเป็นการนำหน้าของกิเลส
ธิเบตไม่สามารถตอบสนองคุณค่าทางวัตถุแก่ประเทศมหาอำนาจได้เหมือนกับคูเวต ฉะนั้น
ถึงแม้ท่านดาไลลามะได้พยายามสักแค่ไหนก็ตาม
ประเทศมหาอำนาจตะวันตกก็ไม่สามารถช่วยท่านนำธิเบตออกมาจากเงื้อมมือของรัฐบาลจีนได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเป็นหายนะแก่ชาวโลกมากที่สุด
เพราะธิเบตสามารถที่จะให้ภูมิปัญญาแก่โลกนี้มากมาย
ดิฉันขอถือโอกาสนี้ตำหนิติเตียนรัฐบาลจีนและเรียกร้องให้ชาวโลกบีบบังคับรัฐบาลจีนเพื่อปลดปล่อยให้ธิเบตเป็นอิสระอย่างเร็วที่สุด
หากท่านดาไลลามะไม่สามารถกกลับคืนธิเบตได้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั้น
โลกนี้จะสูญเสียสมบัติอันเป็นวัฒนธรรมที่ล้ำค่าไปอีกชิ้นหนึ่ง เวลาของท่านดาไลลามะมีน้อยมากแล้ว
เป็นสิ่งที่ชาวโลกต้องให้ความสนใจเรื่องนี้และช่วยเหลือให้ธิเบตเป็นอิสระให้เร็วที่สุด
ทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าอันย่าทวดไทยได้สร้างให้ลูกหลานไทยชิ้นนี้กำลังจะเสื่อมไปอย่างรวดเร็วเพราะขาดการดูแล
หรือขาดความเข้าใจเรื่องพระนิพพานและเรื่องสติปัฏฐานสี่อย่างแท้จริง การต่อสู้กับกิเลสเป็นเรื่องยากมาก
แม้เจ้าหน้าที่ทางศาสนาที่ควรปฏิบัติเพื่อการรู้แจ้งของตนเองและถ่ายทอดคำสอนต่อไปนั้นก็ถูกกิเลสครอบงำเอาจนงอมแงมจนกระทั่งสถาบันศาสนาทั้งของพุทธและคริสต์เสื่อมโทรมไปตาม
ๆ กัน ดิฉันทราบมาว่าลัทธิธรรมกายได้สร้างความปั่นป่วนอย่างมหันต์ให้กับสถาบันศาสนาในขณะนี้จนกระทั่งมีการพูดถึงการทำสังคยานาพระไตรปิฏกกันแล้ว
สิ่งเหล่านี้คือแรงต้านที่ทำให้กลุ่มผู้รู้จริงต้องเสียเวลามากมายทั้งพลังกาย
พลังสมอง และพลังทรัพย์
เพื่อพยายามกำจัดอลัจชีแทนที่จะใช้เวลาเหล่านั้นมาสร้างสรรค์สิ่งดีงาม
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของพุทธศาสนาในสังคมไทย
ความพยายามของดิฉันในขณะนี้
มิใช่เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใดเลย
นี่เป็นการกระทำของผู้รู้ในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่พระศาสดาเป็นต้นมา
หากใครพอมีกำลังที่จะทำได้
ผู้รู้นั้นจะไม่นิ่งดูดายและจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายอธรรมอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่ผู้รู้ทั้งหลายตระหนักดีคือ การจะเปลี่ยนสังคมโลกให้มาอยู่ฝ่ายธรรมโดยถ้วนหน้านั้น
มิใช่เป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้
เพราะว่าความวุ่นวายและทุกข์นั้นเป็นธรรมชาติของโลกอยู่แล้ว
แม้พระพุทธเจ้าเองก็ไม่สามารถห้ามศึกสงครามที่เข่นฆ่าวงศ์ตระกูลของท่านได้
ยิ่งยุคนี้ได้เดินมาถึงยุคที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า ยุคมิคสัญญีแล้ว
ความวุ่นวายและความทุกข์ของคนยิ่งต้องมีมากขึ้น ฉะนั้น
สิ่งที่ผู้รู้ทั้งหลายจะสามารถทำได้อย่างมากที่สุดคือ
การชะลอความหายนะและพยายามประคับประคองให้สังคมมนุษย์มีความทุกข์ให้น้อยที่สุด
สมาชิกของสังคมไหนที่จะมีทุกข์ให้น้อยที่สุดได้นั้น สังคมนั้นจะต้องมีวัฒนธรรมแห่งสติปัฏฐานเป็นวิถีชีวิตจึงจะสามารถรับประกันความทุกข์ที่น้อยที่สุดได้
มิเช่นนั้นแล้ว ความโกลาหลจะต้องเกิดแน่นอน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้รู้ทั้งหลายเห็นเป็นหน้าที่คือการทิ้งเมล็ดพันธ์แห่งการรู้แจ้งไว้ให้แก่คนที่มีธุลีในดวงตาแต่น้อย
หากไม่มีการทิ้งเมล็ดพันธุ์แห่งการรู้แจ้งแล้วไซร้
โลกมนุษย์นี้จะขาดภูมิปัญญาแห่งการหลุดพ้นและจะอยู่กันอย่างมืดมิด
แม้ผู้ที่มีธุลีในดวงตาแต่น้อยจะเป็นกลุ่มที่เล็กมากเพียงใดก็ตาม
คนเหล่านี้ก็สมควรได้รับการช่วยเหลือจากผู้รู้ทั้งหลาย หากมิใช่เป็นความพยายามของท่านอาจารย์พุทธทาส
หลวงพ่อเทียน และอาจารย์เขมานันทะแล้วไซร้
ดิฉันก็ไม่สามารถที่จะเดินมาถึงจุดที่พอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้เช่นนี้
แม้สิ่งที่ดิฉันพยายามจะบอกอยู่นี้ก็มิใช่เป็นสิ่งใหม่แต่อย่างใด
แต่เป็นเรื่องที่ครูบาอาจารย์ได้พูดถึงแล้วในอดีตและครูบาอาจารย์อีกหลายท่านก็กำลังพูดอยู่
ที่นำมาพูดอีกเพื่อเป็นการย้ำและขุดคุ้ยเจตนาของครูบาอาจารย์ให้สดใสขึ้นมาอีกในแนวทางที่ดิฉันถนัด
และเป็นการสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาต่อไป
ดิฉันจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
หนังสือเล่มนี้จะสามารถจุดประกายแห่งความรู้แจ้งในหัวใจของท่านผู้อ่านได้บ้าง
และสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร
ขอให้มีความเพียรอย่างสม่ำเสมอและอย่าท้อถอยแม้จะพบความยากลำบากสักปานใด
อย่าลืมเรื่องเส้นผมบังภูเขาและพยายามทำจิตให้อ่อนโยน เมื่อการเดินมีอยู่
การถึงเป้าหมายจะเกิดขึ้นเอง วันหนึ่ง แม้ท่านผู้อ่านเองก็จะเป็นผู้ที่ต่อแสงเทียนแห่งปัญญานี้ให้แก่ผู้อื่นได้
ดิฉันขออนุโมทนาล่วงหน้าในความวิริยะอุสาหะของท่าน.