Lab 2: Object-Oriented Programming Concept

สำหรับวันนี้เราจะมาเขียนโปรแกรมรันเกมไพ่อย่างง่ายๆกัน  นิสิตจะได้ฝึก

• การนิยามเมธอดต่างๆในคลาส
• การใช้ตัวแปรที่เป็นคลาสหนึ่งไปเป็นสมาชิกของออบเจ็กต์อีกคลาสหนึ่ง
• การเรียกใช้เมธอดต่างๆ และการใช้ object ผ่าน main

มาเริ่มกันเลย

จงเขียนคลาส Card ซึ่งเราจะนิยามเป็นไพ่ใบหนึ่งจากสำรับไพ่ที่นิยมใช้เล่นกันทั่วไป ซึ่งไพ่นั้นจะมีตัวแปรสองอย่างต่อไปนี้ 

• private rank – 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, J, Q, K, and A

• private suit – spades(ª), heart (©), diamond (¨), and club (§)

• getRank, getSuit, setRank, setSuit 
• combineRank(Card a)  เป็นการรวมค่า rank เข้ากับไพ่อีกใบ โดยให้มีค่ารวมไม่เกิน 21 (เมธอดนี้รีเทิร์น int) ตัว rank ที่เป็นอักษร ถือว่ามีค่าเท่ากับสิบ ยกเว้น A ที่มีค่าเท่ากับ 11 ก็ได้ หรือ 1 ก็ได้
• (เมธอดอื่นๆที่จำเป็น สามารถเขียนเพิ่มได้ตามใจ ไม่บังคับ)
  

หลังจากเขียนคลาส Card เสร็จแล้ว จงเขียนคลาส Deck ซึ่งหนึ่ง deck หรือสำรับไพ่่นั้นจะประกอบไปด้วยไพ่่ 52 ใบ (เอาจากทุก rank และ suit โดยต้องมีการเรียงด้วย เพราะเดี๋ยวต้องสับไพ่ให้ได้) ระหว่างการเล่นไพ่  อนุญาตให้สามารถเอาไพ่ออกจาก deck ได้ (อาจต้องมีการเขียนเมธอดเพิ่มจากที่ระบุไว้)

• shuffle – เป็นเมธอดที่จะกระทำการสับไพ่ เรียงลำดับไพ่ให้ไม่เหมือนเดิมโดยสุ่มเรียงเอา
• pick – รีเทิร์นไพ่ที่อยู่บนสุดของ deck แล้วเอาไพ่นั้นออกจาก deck ไป

1. สร้าง deck ขึ้นมาสองสำรับ สำรับแรกเรียกเป็น ของ player1 สำรับที่สองเป็นของ player2
2. สับไพ่ทั้งสองสำรับ
3. ผู้เล่นทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างหยิบไพ่สองใบแรกมา ใครได้ rank รวม เข้าใกล้แต่ไม่เกิน 21 มากกว่าคนนั้นจะชนะ (เกิน 21 ถือว่าแพ้ทันที) ตัว rank ที่เป็นอักษร ถือว่ามีค่าเท่ากับสิบ ยกเว้น A ที่มีค่าเท่ากับ 11 ก็ได้ หรือ 1 ก็ได้ (ถ้า rank รวมเท่ากันจะถือว่าเสมอกัน ทำให้เกมไม่จบ ต้องหยิบไพ่สองใบต่อไป) 
4. เกมจบเมื่อมีคนชนะ หรือ ดูไพ่หมดสำรับแล้วยังไม่แพ้ชนะกัน (อะไรมันจะปานนั้น)
5. เมื่อเกมจบ จะต้องมีการพิมพ์ว่าใครชนะ หรือออกเกมโดยไม่มีใครชนะ แล้วค่อยออกจากเกม
   

เมธอดที่สามารถนำมาใช้ได้

การส่ง

แล็บนี้ถูกออกแบบไว้ให้นิสิตทำเสร็จตามเวลาเลิกแล็บได้ ใครที่ยังทำไม่เสร็จ อาจเป็นเพราะ

• skill การใช้งาน eclipse ยังต้องปรับปรุง
• คิดช้าเกินไป
• พื้นฐานโปรแกรมยังไม่ได้ทบทวนพอ

ดังนั้นคนที่ทำไม่ทัน ควรฝึกทำซ้ำ จนใช้เวลาน้อย นะ

สำหรับการส่ง นั้น แล็บนี้ไม่ต้องส่ง เฉลยอยู่นี่ ใช้พวก zip เปิดเอา หรือลอง import เข้าใน Eclipse ดูก็ได้ ใช้ import from archive   ไม่จำเป็นจะต้องทำตามเฉลยนะ ให้เราแน่ใจว่า โปรแกรมทำได้ตามโจทย์สั่งเท่านั้นก็พอ (กรุณาอย่าเปิดดูเฉลยจนกว่าจะทำเสร็จด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อตัวเราเองนะ เรียนเขียนโปรแกรมมันต้องเรียนจากทดลองทำ ลองพลาดดูเองก่อน)

การบ้าน

สิ่งที่อยากให้นักเรียนทำนอกเวลา ให้เป็น วันนี้คือ การเขียน help file (แน่นอน พอเขียนเป็นก็จะอ่านเป็น) ตัว help file ที่บอกว่าเมธอดในคลาสทำอะไรบ้าง ในจาวา เราเรียกว่า javadoc ซึ่งการเขียนจะคล้ายๆเขียนคอมเม้นท์ลงโค้ด (มีรูปแบบการเขียนอยู่) พอเขียนเสร็จก็รันตัวเครื่องมือ javadoc ซึ่งมีมากับ Eclipse แล้วต่อจากนั้น จาวาจะเอาที่เราเขียนคอมเม้นท์ไปสร้าง help file ในรูปแบบ html ให้เราเอง (รูปแบบจะเหมือนกับ ตัวหน้าเว็บ API ที่เราอ่านของ sun)

• How to write JavaDoc comments
• JavaDoc tool  อันนี้สำหรับคนใช้ command line  แต่ตามปกติเราก็ใช้ Eclipse

การส่งการบ้าน

export ไฟล์เป็น jar file (ต้องมีซอร์สโค้ดที่เขียนคอมเม้นสำหรับทำ javadoc มาเรียบร้อย ตรวจทานให้ดี นอกจากนี้ต้องมีตัว javadoc ที่เจนแล้วด้วย) แล้วส่งมาที่ progmethcp@gmail.com ภายในวันพุธ่ที่ 24 มิถุนายน เวลา 24.00 น. ไฟล์จะต้องตั้งชื่อว่า javadoc_xxxxxxxxxx.jar โดย xxxxxxxxxx นั้นเป็นเลขประจำตัวนิสิต ส่วนใน subject ของเมล์ ให้ใส่ javadoc_xxxxxxxxxx โดย xxxxxxxxxx นั้นเป็นเลขประจำตัวนิสิต 

อย่าลืม การฝึกเท่านั้น ถึงจะทำให้โค้ดได้เก่งขึ้น ตอนนี้โจทย์ยังถือว่าง่ายอยู่ ต้องรีบทำให้เข้าใจ