10: Tuple, Set, Dict
10-4: More on Dict
มีดิกตัวหนึ่งอยู่แล้วชื่อ tel_no เก็บข้อมูลในรูปแบบ {สตริงชื่อเพื่อน: สตริงหมายเลขโทรศัพท์} จงเขียนคำสั่งเพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ของเพื่อนใหม่ชื่อ Amy ใน tel_no
tel_no = {'Kid': '089-129-2929', 'P': '089-291-2145'}
# เพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ของ Amy
#
tel_no['Amy'] = '091-011-1929'
var = 'tel_no'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
obj.has_equal_value(incorrect_msg = 'ยังเพิ่มข้อมูลใน ' + var + " ไม่ถูกต้อง")
ข้อที่แล้วเพื่อนหนึ่งคนมีแค่หมายเลขโทรศัพท์แค่หมายเลขเดียว จึงขอเปลี่ยนให้ดิก tel_no เก็บข้อมูลในรูปแบบ {สตริงชื่อเพื่อน: ลิสต์ของสตริงหมายเลขโทรศัพท์} จงเขียนคำสั่งเพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ของเพื่อนใหม่ชื่อ Amy ใน tel_no
tel_no = {'Kid': ['089-129-2929'], 'P': ['089-291-2145', '061-232-5555']}
# Amy เป็นเพื่อนใหม่แน่ ๆ
# เพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ของ Amy
#
tel_no['Amy'] = ['091-011-1929']
var = 'tel_no'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
obj.has_equal_value(incorrect_msg = 'ยังเพิ่มข้อมูลใน ' + var + " ไม่ถูกต้อง")
obj.has_equal_value(expr_code = "type(tel_no['Amy'])", incorrect_msg = "value ของดิกต้องเป็นลิสต์")
จากข้อที่แล้ว ดิก tel_no เก็บข้อมูลในรูปแบบ {สตริงชื่อเพื่อน: ลิสต์ของสตริงหมายเลขโทรศัพท์} จงเขียนคำสั่งเพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ซึ่งเป็นเบอร์ใหม่ของเพื่อนเดิมชื่อ Amy ที่มีในดิกแล้ว (ให้เพิ่มเบอร์ใหม่โดยการต่อท้ายลิสต์)
tel_no = {'Kid': ['089-129-2929'], 'Amy': ['089-291-2145', '061-232-5555']}
# Amy เป็นเพื่อนที่เราเคยเก็บหมายเลขไว้แล้ว
# เพิ่มเบอร์ใหม่ 091-011-1929 ของ Amy
tel_no['Amy'].append('091-011-1929')
var = 'tel_no'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
obj.has_equal_value(incorrect_msg = 'ยังเพิ่มข้อมูลใน ' + var + " ไม่ถูกต้อง อย่าลืมเพิ่มโดยการต่อท้ายลิสต์")
จากข้อที่แล้ว ดิก tel_no เก็บข้อมูลในรูปแบบ {สตริงชื่อเพื่อน: ลิสต์ของสตริงหมายเลขโทรศัพท์} จงเขียนคำสั่งเพิ่มเบอร์ 091-011-1929 ซึ่งเป็นเบอร์ของเพื่อน Amy ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มีในดิกแล้วหรือยัง
tel_no = {'Amy': ['111']}
new_tel_no = '091-011-1929'
if 'Amy' not in tel_no:
tel_no['Amy'] = [new_tel_no]
else:
tel_no['Amy'].append(new_tel_no)
var = 'tel_no'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
Ex().multi(
set_env(tel_no = {}).has_equal_value(name="tel_no",
incorrect_msg = "ยังเพิ่มผิด กรณีไม่มี Amy ในดิก"),
set_env(tel_no = {'Amy':['089-101-0000']}).has_equal_value(name="tel_no",
incorrect_msg = "ยังเพิ่มผิด กรณีมี Amy ในดิกอยู่แล้ว")
)
อินพุตมีหลายบรรทัด บรรทัดแรกเป็นจำนวนเต็ม n ตามมาอีก n บรรทัด แต่ละบรรทัดมีรหัสผู้ซื้อและรหัสสินค้าที่ผู้ซื้อสนใจ (คั่นด้วยช่องว่าง) จงเขียนโปรแกรมเพื่ออ่านอินพุตเข้ามาเก็บในดิกชื่อ wishlist ในรูปแบบ {รหัสสินค้า: เซตของรหัสผู้ซื้อที่สนใจสินค้านี้} จากตัวอย่างอินพุต เมื่อโปรแกรมทำงานแล้วจะได้ wishlist = {'P01': {'U01', 'U02'}, 'P02': {'U01'}, 'P03': {'U02', 'U03'}, 'P04': {'U02'}}
___inp___ = [
"6",
"U01 P01",
"U01 P02",
"U03 P03",
"U02 P01",
"U02 P03",
"U02 P04"
]
def input():
t = ___inp___.pop(0)
___inp___.append(t)
return t
wishlist = {}
wishlist = {}
n = int(input())
for k in range(n):
user, product = input().split()
if product not in wishlist:
wishlist[product] = {user}
else:
wishlist[product].add(user)
var = 'wishlist'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
inputs = [['3', 'u1 p1', 'u2 p1', 'u3 p1'],
['3', 'u1 p1', 'u1 p2', 'u1 p3'],
['7', 'u1 p1', 'u2 p1', 'u3 p1', 'u1 p2', 'u3 p1', 'u3 p2', 'u4 p4']]
for inp in inputs:
obj.has_equal_value(pre_code = "___inp___[:] = " + str(inp), incorrect_msg = var + " มีค่าไม่ตรงตามโจทย์")
จงเขียนฟังก์ชัน top3_most_wished(wishlist) ที่รับ wishlist ในรูปแบบ {รหัสสินค้า: เซตของรหัสผู้ซื้อที่สนใจสินค้านี้} (ซึ่งก็คือดิก wishlist ในข้อก่อนนี้) ฟังก์ชันนี้คืนลิสต์ของรหัสสินค้าที่มีผู้ซื้อสนใจมากสุด 3 อันดับแรก [สนใจมากสุด, สนใจมากสุดเป็นอันดับสอง, สนใจมากสุดเป็นอันดับสาม] ถ้ามีจำนวนที่สนใจเป็นจำนวนเท่ากัน ก็ให้เรียงตามรหัสสินค้าจากน้อยไปมาก จากตัวอย่างอินพุตในข้อที่แล้ว จะได้ผลคือ ['P01', 'P03', 'P02']
def top3_most_wished(wishlist):
def top3_most_wished(wishlist):
x = [(-len(wishlist[p]), p) for p in wishlist]
x.sort()
top3 = [p for _, p in x[:3]]
return top3
q = "`"
fname = "top3_most_wished"
func = Ex().check_function_def(fname, missing_msg="ไม่พบฟังก์ชัน " + (q+fname+q))
func.has_equal_part_len('args', 'ฟังก์ชันนี้รับพารามิเตอร์ตัวเดียว')
for a in [{'P1':{'A','B','C'}, 'P2':{'A','B','D','Z'}, 'P3':{'B','D','Z'}, 'P4':{'Z'}},
{'P8':{'A'}, 'P7':{'B','C'}, 'P9':{'A','Z','C'}}]:
fcall = fname + "(" + str(a) + ")"
func.check_call(fcall).has_equal_value(incorrect_msg=(q+fcall+q) + " ให้ผลผิด")
อินพุตมีหลายบรรทัด บรรทัดแรกเป็นจำนวนเต็ม n ตามมาอีก n บรรทัด แต่ละบรรทัดมีเลขประจำตัวนิสิตและคะแนน คั่นด้วยช่องว่าง (คะแนนเป็นจำนวนเต็ม) จงเขียนโปรแกรมเพื่ออ่านอินพุตเข้ามาเก็บในดิกชื่อ point ในรูปแบบ {สตริงรหัสคณะ: [คะแนนรวมของนิสิตในคณะนี้, จำนวนนิสิตในคณะนี้]} จากตัวอย่างอินพุต เมื่อโปรแกรมทำงานแล้วจะได้ point = {'26': [50, 2], '21': [75, 3], '30': [25, 1]}
___inp___ = [
'6',
'6240827226 30',
'6230192830 25',
'6231010221 25',
'6230383821 20',
'6231301221 30',
'6240918226 20'
]
def input():
t = ___inp___.pop(0)
___inp___.append(t)
return t
point = {}
n = int(input())
point = {}
for k in range(n):
student_id, p = input().split()
p = int(p)
fcode = student_id[-2:]
if fcode not in point:
point[fcode] = [p, 1]
else:
point[fcode][0] += p
point[fcode][1] += 1
var = 'point'
obj = Ex().check_object(var, missing_msg = "ไม่มีตัวแปร " + var)
inputs = [['4','6231010221 20','6230383822 20','6240827223 30','6231301224 30'],
['4','6231010221 20','6230383821 20','6240827226 30','6231301221 30']]
for inp in inputs:
obj.has_equal_value(pre_code = "___inp___[:] = " + str(inp), incorrect_msg = var + " มีค่าไม่ตรงตามโจทย์")
จงเขียนฟังก์ชัน top_average_point(point): ที่รับ point ในรูปแบบ {สตริงรหัสคณะ: [คะแนนรวมของนิสิตในคณะนี้, จำนวนนิสิตในคณะนี้]} (ซึ่งก็คือดิก point ในข้อก่อนนี้) ฟังก์ชันนี้คืนลิสต์ของรหัสคณะที่มีคะแนนเฉลี่ยของนิสืตที่สังกัดมากสุด (ในกรณีที่มีหลายคณะได้คะแนนเฉลี่ยมากสุดเท่ากัน ให้เรียงตามรหัสคณะที่ได้คะแนนเฉลี่ยมากสุดจากน้อยไปมาก) จากตัวอย่างอินพุตในข้อที่แล้ว จะได้ผลคือ ['21', '26', '30']
def top_average_point(point):
def top_average_point(point):
x = [(point[fcode][0]/point[fcode][1], fcode) for fcode in point]
max_avg_point = max(x)[0]
top = [fcode for avg_point,fcode in x if avg_point == max_avg_point]
return sorted(top)
q = "`"
fname = "top_average_point"
func = Ex().check_function_def(fname, missing_msg="ไม่พบฟังก์ชัน " + (q+fname+q))
func.has_equal_part_len('args', 'ฟังก์ชันนี้รับพารามิเตอร์ตัวเดียว')
for a in [{'21': [100,2], '30':[150,5], '23':[120,4]},
{'22': [100,2], '30':[150,5], '23':[200,4], '25':[50,1]}]:
fcall = fname + "(" + str(a) + ")"
func.check_call(fcall).has_equal_value(incorrect_msg=(q+fcall+q) + " ให้ผลผิด")
โจทย์ข้อนี้ให้นำสองข้อที่แล้วมารวมกัน คืออ่านอินพุตมา เพื่อหาและแสดงรหัสคณะที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด จะต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ ในกรณีที่มีหลายคณะได้คะแนนเฉลี่ยมากสุดเท่ากัน ให้แสดงรหัสคณะตามลำดับที่พบในอินพุต จากตัวอย่างอินพุต จะแสดง 26, 30 และ 21 บรรทัดละรหัส (เพราะการอ่านอินพุต ได้พบรหัสคณะตามลำดับก่อนหลัง คือ 26, 30, แล้วก็ 21)
___inp___ = [
'6',
'6240827226 30',
'6230192830 25',
'6231010221 25',
'6230383821 20',
'6231301221 30',
'6240918226 20'
]
def input():
t = ___inp___.pop(0)
___inp___.append(t)
return t
n = int(input())
fcode_seq = []
point = {}
for k in range(n):
student_id, p = input().split()
p = int(p)
fcode = student_id[-2:]
if fcode not in point:
point[fcode] = [p, 1]
fcode_seq.append(fcode)
else:
point[fcode][0] += p
point[fcode][1] += 1
x = [point[fcode][0]/point[fcode][1] for fcode in point]
max_avg_point = max(x)
for fcode in fcode_seq:
if point[fcode][0]/point[fcode][1] == max_avg_point:
print(fcode)
inputs = [['7','6231010226 20','6240383823 20','6230827230 20', '6230827230 20',
'6231301222 20', '6240030329 5','6231397230 20', '6241002228 20']]
for inp in inputs:
Ex().has_equal_output(pre_code = "___inp___[:] = " + str(inp), incorrect_msg = "แสดงผลไม่ตรงตามโจทย์")